เชิญลงโฆษณาฟรี

สำหรับท่านที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วขอเชิญลงโฆษณาฟรี
รายละเอียดดังนี้
ลงโฆษณาฟรี

5/10/2011

การแต่งหน้าร้านให้รวย

การตกแต่งร้านนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเพราะ หน้าตาของร้านเป็นจุดที่เชิญชวนให้ลูกค้าจะเข้าหรือจะเดินผ่านร้านเราไป การตกแต่งร้านที่ดีนอกจากจะเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับธุรกิจแล้ว หน้าตาของร้ายังเปรียบเสมือนการโฆษณาประชาสัมพันธ์ร้านที่ดีที่สุด ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถช่วยสร้างยอดขายได้ หรือที่นักการตลาดเรียกว่า The Silent Salesperson อย่างไรก็ตามการออกแบบไม่ได้หมายถึง เรื่องของรูปแบบหรือหน้าตาของร้านเพียงอย่างเดียว แต่การออกแบบหมายรวมถึง การจัดวาง การกำหนดตำแหน่งเพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุดการสร้างบรรยากาศโดยรวมให้เกิดความเหมาะสมและลงตัว การก่อให้เกิดความทรงจำ การกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกที่สอดคล้องกับธุรกิจนั้นๆ เช่น ร้านจำหน่ายเสื้อผ้า ต้องตกแต่งร้านให้ลูกค้าเข้ามาแล้วเกิดความรู้สึกว่า ต้องซื้อกลับไปให้ได้หรือ ร้านอาหารที่เห็นแล้ว อดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปสั่งอะไรมาทาน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องของไอเดีย หรือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เหล่านี้ ไม่ได้เป็นพรสวรรค์ที่เจ้าของธุรกิจมีกันได้ทุกคน ดังนั้น หากผู้ประกอบการไม่มีความรู้ด้านการออกแบบ หรือยังไม่มั่นใจทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ต้องหันหน้าเข้าหานักออกแบบ และนักออกแบบเองจะปฏิบัติหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น หากให้ความไว้วางใจในการขอรับคำปรึกษาแนะนำจากนักการตลาด ผู้ซึ่งมีความรู้ด้านพฤติกรรมการจับจ่ายให้สอยของลูกค้า เมื่อ 2 ศาสตร์มารวมกัน จึงเป็นคำตอบที่ดีว่า จะทำอย่างไรให้บรรยากาศของร้าน มีผลในเชิงบวกต่อการตัดสินใจซื้อของผู้ที่เข้ามาเยือน

ความรู้และเทคนิคในการออกแบบตกแต่งร้านนั้นมีอยู่มากมาย โดยแนวทางหลักในการออกแบบตกแต่งที่ทุกๆ ธุรกิจจำเป็นจะต้องคำนึงถึงมีดังต่อไปนี้

1.สร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกต่อธุรกิจ การออกแบบที่ดีนั้น ผู้ออกแบบจะต้องสื่อความหมายและโชว์ตัวตนของแต่ละธุรกิจให้ได้ผู้เขียนเคยเห็นการตกแต่งหน้าร้านของคลินิกความงามแห่งหนึ่งที่ใช้ภาพถ่ายหญิงสาวขนาดใหญ่มาติดไว้หน้าร้าน ซึ่งนอกจากภาพดังกล่าวจะไม่บ่งบอกให้ผู้พบเห็นได้เข้าใจถึงบริการสร้างความสวยงามของคลินิกแห่งนั้นได้แล้ว ยังพาลให้เข้าใจไปอีกว่า สถานที่แห่งนั้นน่าจะเป็น อาบอบนวด มากกว่าคลินิกเสริมความงาม สิ่งเหล่านี้จึงเป็นข้อควรระวัง เพราะผู้ประกอบการต้องถึงระลึกอยู่เสมอว่า หากไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกให้เกิดขึ้นกับธุรกิจได้ ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจและไม่สามารถกระตุ้นให้ผู้พบเห็นเข้ามาซื้อสินค้าหรือใช้บริการได้เช่นเดียวกัน

2.สอดคล้องกับรสนิยมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทั้งในแง่ของช่วงอายุ เพศ สถานะ ฯลฯ เพราะไลฟ์สไตล์ของคนแต่ละกลุ่มนั้นแตกต่างกัน ดังนั้น ผู้ออกแบบจำเป็นต้องวิเคราะห์ด้วยว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของธุรกิจนั้นมีความต้องการอย่างไร และต้องทำสิ่งใดเพื่อตอบสนองเข้าให้ได้มากที่สุด เช่น หากลูกค้าเป้าหมายเป็นกลุ่มวัยรุ่น การออกแบบจะต้องเน้นความแปลกใหม่ แสดงออกถึงจินตนาการ สีที่เลือกใช้ก็ต้องดูสดใส แต่ถ้าหากกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยผู้ใหญ่ การตกแต่งร้านต้องเน้นความมีเหตุมีผล สะอาด สะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อย ทั้งนี้ทั้งนั้น อาจมีกานำแสง สี กลิ่น เสียง ที่เหมาะสมกับรถนิยมของคนแต่ละกลุ่มมาใช้เรียกความสนใจจากลูกค้าด้วย

3.แสดงถึงจุดขาย หรือจุดเด่นของร้าน เพื่อให้เกิดการจดจำจุดเด่นในที่นี้สามารถแสดงออกได้ทั้ง สีของร้าน โลโก้ ป้ายหน้าร้าน วอลล์เปเปอร์ การจัดดิสเพลย์ รูปแบบของเฟอร์นิเจอร์ วิธีการจัดเรียงสินค้า หรือแม้กระทั่งเครื่องแต่งกายของพนักงาน ซึ่งผู้สร้างสรรค์จะต้องมีแนวความคิดที่แตกต่าง อาจจะไม่ถึงขั้นแหวกแนวสุดกู่ แต่การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็สามารถสร้างปรากฎการณ์ที่น่าทึ่งให้แก่ผู้พบเห็นได้

4.เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด หมายถึง การออกแบบเพื่อให้มีความเหมาะสมกับการใช้งาน และสามารถใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพและมีความสะดวกสบาย ไม่มีจุดบอดหรือจุดอับ โดยในส่วนนี้จำเป็นต้องกำหนดตั้งแต่การเริ่มวางแผงผังของร้านอย่างเช่น การจัดเส้นทางให้ลูกค้าได้เดินดูสินค้าครบทุกจุดของร้าน ลูกค้าสามารถเดินจากหน้าร้านวนเข้าไปหลังร้าน แล้วเดินออกมาได้อย่างคล่องตัว ซึ่งทำให้ลูกค้าได้เดินดูสินค้าครบถ้วนหรือการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ ข้าวของเครื่องใช้ภายในร้าน หรือ Prop ต่างๆ ที่นอกจากจะมีมิติที่สวยงาม กลมกลืนกับบรรยากาศโดยรวมแล้ว ยังต้องมีความเป็นระเบียบ เพื่อประโยชน์ในการใช้สอย สะดวก และปลอดภัย

5.นำไปสู่การสร้างแบรนด์ เมื่อความสวยงามของร้านสามารถสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าได้แล้ว นานวันเข้าจะทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย สนิทสนม เหมือนการแวะเข้ามาทักทายเพื่อนผู้รู้ใจ เมื่อลูกค้าเกิดความประทับใจทั้งการจัดตกแต่งร้านและการให้บริการย่อมจะเกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก เท่ากับว่าเกิดการประชาสัมพันธ์ในวงกว้าง โดยที่เจ้าของไม่ต้องลงทุนแม้แต่บาทเดียว เมื่อความนิยมมีมากขึ้น แบรนด์ของธุรกิจนั้นๆ ก็จะยิ่งแข็งแกร่งและหากเจ้าของธุรกิจรู้จักสะสม รักษา และพัฒนาชื่อเสียงอย่างต่อเนื่อง แบรนด์ดังกล่าวก็จะถูกกล่าวถึงอย่างยั่งยืน

6.อยู่ในงบประมาณที่เหมาะสม การออกแบบไม่ใช่การฝันลมๆ แล้งๆ แต่เป็นหนึ่งในกิจกรรมทางธุรกิจที่เป็นจริง ชัดเจน และแตะต้องได้ ดังนั้น ค่าใช้จ่ายเรื่องของการออกแบบต้องควบคุมได้ไม่มั่วและไม่บานปลาย ดังนั้นในช่วงที่มีการตกแต่งร้าน ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้รับเหมา เจ้าของเงิน หรือผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่างๆ จำเป็นจะต้องพูดคุยและเข้ามาสัมผัสหน้างานให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากมีการร่างสัญญารับเหมา ซึ่งมีข้อตกลงในเรื่องใดๆระหว่างผู้ว่าจ้างและผู้รับจ้าง ก็ต้องระบุในสัญญาอย่างละเอียดมีการระบุชนิดของวัตถุดิบ หน่วยนับ ราคาต่อหน่วย คำสั่งงานทุกอย่างให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของทุกฝ่ายและเป็นส่วนที่จะช่วยควบคุมงบประมาณตามแผนได้เป็นอย่างดี

นอกจากแนวทางพื้นฐานดังที่กล่าวไปแล้ว ผู้ประกอบการบางท่านอาจจะมีความเชื่อในเรื่องของฮวงจุ้ย ซึ่งก็สามารถนำศาสตร์ดังกล่าวมาผสมผสานเพื่อแก้ไขจุดบกพร่องในทำเลต่างๆ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเจ้าของธุรกิจได้ หลายท่านพบว่าการตั้งตู้ปลา หรือน้ำพุเล็กๆ เอาไว้ ช่วยให้การค้าขายดีขึ้น หรือร้านอาหารที่ใช้โต๊ะทานอาหารทรงกลม และจัดเรียงโต๊ะไม่ให้แน่นเกินไป เพราะมีความเชื่อว่า เพื่อให้พลังซีไหลเวียนภายในร้านได้สะดวก ซึ่งต้องยอมรับว่า แม้แต่แบรนด์ใหญ่อย่าง แมคโดนัลด์ ก็ยังใช้ฮวงจุ้ยในการตกแต่งร้าน เพื่อหวังเพิ่มยอดขายในลอสแองเจลิสและแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นเมืองที่มีลูกค้ามากเช่นเดียวกัน
สำหรับเทรนด์ในการตกแต่งร้านต่างๆ นั้น ผู้เขียนขอยกตัวอย่างธุรกิจ 5 ประเภท มาให้ท่านผู้อ่านได้ลองศึกษาดู ส่วนใครจะตกแต่งร้านของตนให้เป็นสไตล์ไหนนั้น ก็ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมของทำเล กลุ่มเป้าหมาย และเงินทุนในกระเป๋า

หวังว่าเทคนิคง่ายๆเหล่านี้จะช่วยเพิ่มยอดขายให้คุณๆ ที่กำลังคิดจะจัดร้านเพื่อเพิ่มยอดขายกันนะครับ