สำหรับใครที่กำลังมองหาธุรกิจส่วนตัวอยู่ การเปิดร้านเสริมสวย ต้องหาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ หรือใครที่เปิดร้านอยู่เเล้วอยากได้ไอเดียแต่งร้านให้มีรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง
ถ้าผู้ประกอบการที่มีเงินทุนสักก้อนพร้อมเดินตามความฝันในการเปิดร้านเสริมสวยในห้างสรรพสินค้า ต้องหาเคล็ดลับการเปิดร้านเสริมสวยอย่างมืออาชีพว่าก่อนอื่นเราต้องดูบุคลิกภาพของเราก่อนว่า มีบุคคลิกของการเป็นเจ้าของร้านแล้วหรือยัง มีเทคนิคหรือหัวใจของผู้รักงานด้านบริการมากน้อยเพียงใด เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้โลกเกิด
การเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นชาวเอเชีย ผู้นำเทรนด์ทรงผมที่แปลกใหม่แหวกแนว แต่ก็สร้างสีสันให้กับวงกาแฟชั่นเมืองไทยได้อย่างดี อีกทั้งสามารถหาเงินได้อย่างง่ายๆ
การเปิดร้านเสริมสวยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 รปแบบ คือ
รูปแบบที่ 1 ร้านขนาดเล็ก คือ ร้านตึกแถวขนาด คูหา มีชุดเก้าอี้ทำผมไม่เกิน 4 ชุด
รูปแบบที่ 2 ร้านขนาดกลาง คือ ร้านตึกแถวขนาด 2 คูหา หรือร้านทั่วไปนอกห้างสรรพสินค้า มี
เก้าอี้ทำผมตั้งแต่ 4 - 10 ชุด
บุคลากรในร้านเสริมสวย
1. ช่างตัดผม หน้าที่ของช่างตัดผมในแต่ละร้านก็มีวิธีการต้อนรับลูกค้าที่แตกต่างกัน ช่วงเวลาที
ยังไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการกับช่างตัดผมคนใด ช่างตัดผมคนนั้นก็จะเป็นเีรียกลูกค้าเข้าร้าน โดยการเสริมโปรโมชั่นต่างๆ เช่น การตัดผม การดัดผม การย้อมผม การแฮร์สปา การยืดผม เป็นต้นซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ช่างตัดผมส่วนใหญ่ของทุกร้านเป็นผู้แนะนำ เพื่อกระตุ้นรายได้ของตนเอง แต่ถ้าช่างตัดผมไม่ว่างทั้งหมดก็จะมีพนักงานต้อนรับซัพพอร์ตหน้าร้านเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามใน 1 วัน ช่างตัดผม 1 คนจะต้องให้บิรการลูกค้าโดยประมาณการจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการต่อวันดังนี้
ถ้าช่างตัดผม 1 คน สามารถให้บริการลูกค้าได้วันละ 10 คน
ถ้าช่างตัดผม 7 คน สามารถให้บริการลูกค้าได้วันละ 70 คน
ถ้าเปิดร้าน 1 ปี (300 วัน) สามารถให้บริการลูกค้าได้สูงสุด 30o x 70 = 21,000 คน
ประมาณการ ถ้ามีลูกค้ามาใช้บริการร้อยละ 90 ก็จะมีผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 18,900 คน
2. พนักงานทั่วไป พนักงานทุกคนต้องต้อนรับลูกค้าด้วยความสุภาพ ไม่ควรให้ลูกค้าคอยนาน
เกิน 30 วินาที มีความรู้พื้นฐานพอสมควร บุคลิกภาพต้องสะอาดและมีหน้าเชื่อถือ ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ขณะปฏิบัติงานไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง การเอามือไขว้หลัง การหวีใช้ในร้านหวีศีรษะตัวเอง เป็นต้น ดังนั้นเจ้าของร้านควรมีหลักการในการคัดเลือกให้ได้ พนักงานที่ดี ต้องนิสัยดี ฝีมือดี รักอาชีพเสริมสวยและที่สำคัญต้องขยัน
อัตราค่าจ้างพนักงานร้านเสริมสวย
ส่วนอัตราค่าจ้างของอาชีพช่างทำผมและพนักงานด้านทำ อาชีพช่างทำผม
และพนักงานด้านทำผมมีอัตราค่าจ้างที่สูงพอสมควร คือ อัตราค่าจ้างช่างประจำอยู่ที่ประมาณ
10,000 – 12,000 บาท ส่วนค่าคอมมิชชั่นประมาณ 10 0/0 การใช้บริการ 1 ราย และอัตราคาจ้างพนัก ( ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 8,000 บาท อาจจะมีคอมมิชชั่นเป็นตัวกระตุ้นด้วย โดยอาจตั้งไว้ทีงบประมาณ 1-3 %
ถ้าผู้ประกอบการที่มีเงินทุนสักก้อนพร้อมเดินตามความฝันในการเปิดร้านเสริมสวยในห้างสรรพสินค้า ต้องหาเคล็ดลับการเปิดร้านเสริมสวยอย่างมืออาชีพว่าก่อนอื่นเราต้องดูบุคลิกภาพของเราก่อนว่า มีบุคคลิกของการเป็นเจ้าของร้านแล้วหรือยัง มีเทคนิคหรือหัวใจของผู้รักงานด้านบริการมากน้อยเพียงใด เนื่องจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากขึ้น ทำให้โลกเกิด
การเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นชาวเอเชีย ผู้นำเทรนด์ทรงผมที่แปลกใหม่แหวกแนว แต่ก็สร้างสีสันให้กับวงกาแฟชั่นเมืองไทยได้อย่างดี อีกทั้งสามารถหาเงินได้อย่างง่ายๆ
การเปิดร้านเสริมสวยจะมีอยู่ทั้งหมด 3 รปแบบ คือ
รูปแบบที่ 1 ร้านขนาดเล็ก คือ ร้านตึกแถวขนาด คูหา มีชุดเก้าอี้ทำผมไม่เกิน 4 ชุด
รูปแบบที่ 2 ร้านขนาดกลาง คือ ร้านตึกแถวขนาด 2 คูหา หรือร้านทั่วไปนอกห้างสรรพสินค้า มี
เก้าอี้ทำผมตั้งแต่ 4 - 10 ชุด
บุคลากรในร้านเสริมสวย
1. ช่างตัดผม หน้าที่ของช่างตัดผมในแต่ละร้านก็มีวิธีการต้อนรับลูกค้าที่แตกต่างกัน ช่วงเวลาที
ยังไม่มีผู้เข้ามาใช้บริการกับช่างตัดผมคนใด ช่างตัดผมคนนั้นก็จะเป็นเีรียกลูกค้าเข้าร้าน โดยการเสริมโปรโมชั่นต่างๆ เช่น การตัดผม การดัดผม การย้อมผม การแฮร์สปา การยืดผม เป็นต้นซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ช่างตัดผมส่วนใหญ่ของทุกร้านเป็นผู้แนะนำ เพื่อกระตุ้นรายได้ของตนเอง แต่ถ้าช่างตัดผมไม่ว่างทั้งหมดก็จะมีพนักงานต้อนรับซัพพอร์ตหน้าร้านเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามใน 1 วัน ช่างตัดผม 1 คนจะต้องให้บิรการลูกค้าโดยประมาณการจำนวนลูกค้าที่คาดว่าจะเข้ามาใช้บริการต่อวันดังนี้
ถ้าช่างตัดผม 1 คน สามารถให้บริการลูกค้าได้วันละ 10 คน
ถ้าช่างตัดผม 7 คน สามารถให้บริการลูกค้าได้วันละ 70 คน
ถ้าเปิดร้าน 1 ปี (300 วัน) สามารถให้บริการลูกค้าได้สูงสุด 30o x 70 = 21,000 คน
ประมาณการ ถ้ามีลูกค้ามาใช้บริการร้อยละ 90 ก็จะมีผู้เข้ามาใช้บริการประมาณ 18,900 คน
2. พนักงานทั่วไป พนักงานทุกคนต้องต้อนรับลูกค้าด้วยความสุภาพ ไม่ควรให้ลูกค้าคอยนาน
เกิน 30 วินาที มีความรู้พื้นฐานพอสมควร บุคลิกภาพต้องสะอาดและมีหน้าเชื่อถือ ได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี ขณะปฏิบัติงานไม่แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การเคี้ยวหมากฝรั่ง การเอามือไขว้หลัง การหวีใช้ในร้านหวีศีรษะตัวเอง เป็นต้น ดังนั้นเจ้าของร้านควรมีหลักการในการคัดเลือกให้ได้ พนักงานที่ดี ต้องนิสัยดี ฝีมือดี รักอาชีพเสริมสวยและที่สำคัญต้องขยัน
อัตราค่าจ้างพนักงานร้านเสริมสวย
ส่วนอัตราค่าจ้างของอาชีพช่างทำผมและพนักงานด้านทำ อาชีพช่างทำผม
และพนักงานด้านทำผมมีอัตราค่าจ้างที่สูงพอสมควร คือ อัตราค่าจ้างช่างประจำอยู่ที่ประมาณ
10,000 – 12,000 บาท ส่วนค่าคอมมิชชั่นประมาณ 10 0/0 การใช้บริการ 1 ราย และอัตราคาจ้างพนัก ( ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 7,000 – 8,000 บาท อาจจะมีคอมมิชชั่นเป็นตัวกระตุ้นด้วย โดยอาจตั้งไว้ทีงบประมาณ 1-3 %
สำหรับร้านทำผมในห้างสรรพสินค้าบอกได้เลยว่าแทบจะไม่มีวันหยุดเลย เพราะว่าช่วงวันหยุด
ของลูกค้า คือ วันทำงานของเรา ดังนั้น วันหยุดของพนักงานใน 1 สัปดาห์จะสลับกันหยุดคนละ 1 วัน
การเปิดร้านเสริมสวยในห้างสรรพจำเป็นต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานอย่างมาก รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการประทับใจ และไม่เป็นผลทำให้พนักงานต้องลาออกบ่อยๆ การแบ่งสายหลักจึงแบ่งได้ ดังนี้
1.ด้านการบริการ ผู้ประกอบการจะต้องวางระบบให้แน่นอนตั้งแต่การเปิดร้านในวันแรก
การเปิดร้านเสริมสวยจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท จัดระบบบัญชี
อย่างละเอียด ใช้ลายลักษณ์อักษรกำกับทุกครั้ง ทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายทุกวัน การจัดซื้อและสต๊อก
สินค้า พอประมาณตามจานวนเฉลี่ยของผูเข้ามาใช้บริการต่อวัน ด้านทรัพยากรบุคคลต้องแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน รวมถึงการเข้างานอย่างตรงเวลา เช่น คนดูแลความสะอาดของร้าน
พนักงานต้อนรับลูกค้า และบริหารงานทั่วไปให้ครบทุกด้าน
ร้านเสิรมสวยจะได้รับความนิยมมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรายได้จะขึ้นจากเดิมตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคม ส่วนวันเสาร์อาทิตย์จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่าวันธรรมดาหนึ่งเท่าตัว
สำหรับคนไทยที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง 80 % ผู้ชาย 20 %ที่ร้านจึงมี
นิตยสารแฟชั่นมากมายเอาไว้ต้อนรับลูกค้าที่หลากหลายกลุ่ม เพราะเราจะไม่ทราบว่าลูกค้าที่เข้ามา
บิรการสไตล์ไหน เราก็จะมีนิตยสารทรงผมทั้งไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง ทั่วไปๆ ทั้งแบบผมยาวและผมสั้นเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บิรการการตัดผม - ทำผม ตามกระแสมากกว่า
การบริหารจัดการร้านเสริมสวย
1. คือ ฝีมือ ร้านเสิรมสวย ที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดส่วนใหญ่คือ ร้านเสริมสวย ที่สามารถช่วยให้ลูกค้ามีบุคลิกที่ดีขึ้น ทำงานออกมาตรงตามที่งกค้าต้องการฝีมือช่างจึงมีส่วนสำคัญมาก ในกรณีนี้เจ้าของร้านจะเป็นตัวดึงดูดลูกค้าได้ดีทีสุด เพราะลูกค้าจะเชื่อมั่นในตัวช่างมากกว่าอื่นใด ช่างที่มีเมื่อจะมีจุดเด่นอยู่ 2 ประการคือ ทำงานตามที่ลูกค้าต้องการได้ดี นเละอีกประการหนึ่งคือ สามารถ
ชี้นำอธิบาย และให้เหตุผลที่ดีกับลูกค้าได้ว่า ทำไมจึงต้องทำแบบนี้หืหทาไมจึงต้องเป็นแบบนี้
2. คือ การให้บิรการ ร้านเสิรมสวย ทีมีประสบการณ์จะเข้าใจถึงหลักการบริหารที่ดีแก่ลูกค้าได้ดี
เพราะเมื่อใดที่ร้านเสิรมสวยมีงกค้าประจำ การเอาใจใฟต่อลูกค้า ความซื่อสัตย์ นนละความน่าเชื่อถือของร้าน จะเป็นตัวการันตีว่าลูกค้าจะเพิ่มขึ้น ร้านให้บริการดี มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ช่างสามารถตอบปัญหา หรือแนะนำสิ่งที่ดีๆ รวมถึงดูแลประโยชน์ให้ลูกค้าได้ดี ไม่หวังฟ้นเงินจากลูกค้ามากเกินไป และไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง เมื่อนั้น ร้านเสิรมสวย ของคุณก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน
3. คือ หน้าร้านที่ดึงดูดลูกค้าใหม่ เมื่อมีเมื่อบวกกับบิรการที่ดีแล้ว ทำอย่างไรจะให้ร้านเสิรมสวยมีลูกค้าหน้าใหม่เดินเข้ามาในร้าน เพื่อญัรู้ถึงฝีมือและบิรการได้ หัวใจของการดึงดูลูกค้า
มีมากมาย ยกตัวอย่างได้ 2 - 3 ประการ คือ การตกแต่งหน้าร้านที่สวยงามตรงกับความต้องการของ
กลุ่มลูกค้า เช่น มีร้านเสิรมสวยอยู่ในย่านชานเมือง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับ C และ B นั่น
คือระดับกลางลงล่าง เป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง ชอบเน้นที่บริการเป็นกันเอง และราคา สมเหตุสมผล แต่มีการตกแต่งร้านจนสวยโดดเด่นราคาแพงมากราวกับร้านที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพ สินค้าชื่อดังอันดับหนึ่งของเมืองไทย ลูกค้าอาจจะไม่กล้าเข้าร้านเลยก็ได้ เพราะคิดว่าร้านนี้ราคาแพง
*ข้อมูลเงินลงทุนในธุรกิจร้านเสริมสวย
เงินลงทุนเริ่มต้น 2,000,000-5,000,000 บาท
ตกแต่งร้าน 1,500,000 บาท
ค่าเช่าสถานที่ 50,000 บาท
การบริการ
สระไดร์150-200 บาท
สระซอย 350-500 บาท
ยืดผม 1,000-3,000 บาท
ทำสีผม 1,000-3,000 บาท
อบไอน้ำ 300-800 บาท
แรงงาน 10-15 คน
กำไร 70 %
ของลูกค้า คือ วันทำงานของเรา ดังนั้น วันหยุดของพนักงานใน 1 สัปดาห์จะสลับกันหยุดคนละ 1 วัน
การเปิดร้านเสริมสวยในห้างสรรพจำเป็นต้องอาศัยความเป็นมืออาชีพในการบริหารงานอย่างมาก รวมทั้งการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบระเบียบตามที่กำหนดไว้ เพื่อให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการประทับใจ และไม่เป็นผลทำให้พนักงานต้องลาออกบ่อยๆ การแบ่งสายหลักจึงแบ่งได้ ดังนี้
1.ด้านการบริการ ผู้ประกอบการจะต้องวางระบบให้แน่นอนตั้งแต่การเปิดร้านในวันแรก
การเปิดร้านเสริมสวยจะใช้เงินลงทุนเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท จัดระบบบัญชี
อย่างละเอียด ใช้ลายลักษณ์อักษรกำกับทุกครั้ง ทำบัญชีรายรับ - รายจ่ายทุกวัน การจัดซื้อและสต๊อก
สินค้า พอประมาณตามจานวนเฉลี่ยของผูเข้ามาใช้บริการต่อวัน ด้านทรัพยากรบุคคลต้องแบ่งหน้าที่การทำงานอย่างชัดเจน รวมถึงการเข้างานอย่างตรงเวลา เช่น คนดูแลความสะอาดของร้าน
พนักงานต้อนรับลูกค้า และบริหารงานทั่วไปให้ครบทุกด้าน
ร้านเสิรมสวยจะได้รับความนิยมมากในช่วงเทศกาลปีใหม่ ซึ่งรายได้จะขึ้นจากเดิมตั้งแต่กลางเดือนธันวาคมไปจนถึงเดือนมกราคม ส่วนวันเสาร์อาทิตย์จะมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการมากกว่าวันธรรมดาหนึ่งเท่าตัว
สำหรับคนไทยที่เข้ามาใช้บริการที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง 80 % ผู้ชาย 20 %ที่ร้านจึงมี
นิตยสารแฟชั่นมากมายเอาไว้ต้อนรับลูกค้าที่หลากหลายกลุ่ม เพราะเราจะไม่ทราบว่าลูกค้าที่เข้ามา
บิรการสไตล์ไหน เราก็จะมีนิตยสารทรงผมทั้งไทย ญี่ปุ่น เกาหลี ฝรั่ง ทั่วไปๆ ทั้งแบบผมยาวและผมสั้นเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บิรการการตัดผม - ทำผม ตามกระแสมากกว่า
การบริหารจัดการร้านเสริมสวย
1. คือ ฝีมือ ร้านเสิรมสวย ที่ประสบความสำเร็จทั้งหมดส่วนใหญ่คือ ร้านเสริมสวย ที่สามารถช่วยให้ลูกค้ามีบุคลิกที่ดีขึ้น ทำงานออกมาตรงตามที่งกค้าต้องการฝีมือช่างจึงมีส่วนสำคัญมาก ในกรณีนี้เจ้าของร้านจะเป็นตัวดึงดูดลูกค้าได้ดีทีสุด เพราะลูกค้าจะเชื่อมั่นในตัวช่างมากกว่าอื่นใด ช่างที่มีเมื่อจะมีจุดเด่นอยู่ 2 ประการคือ ทำงานตามที่ลูกค้าต้องการได้ดี นเละอีกประการหนึ่งคือ สามารถ
ชี้นำอธิบาย และให้เหตุผลที่ดีกับลูกค้าได้ว่า ทำไมจึงต้องทำแบบนี้หืหทาไมจึงต้องเป็นแบบนี้
2. คือ การให้บิรการ ร้านเสิรมสวย ทีมีประสบการณ์จะเข้าใจถึงหลักการบริหารที่ดีแก่ลูกค้าได้ดี
เพราะเมื่อใดที่ร้านเสิรมสวยมีงกค้าประจำ การเอาใจใฟต่อลูกค้า ความซื่อสัตย์ นนละความน่าเชื่อถือของร้าน จะเป็นตัวการันตีว่าลูกค้าจะเพิ่มขึ้น ร้านให้บริการดี มีโปรโมชั่นที่น่าสนใจ ช่างสามารถตอบปัญหา หรือแนะนำสิ่งที่ดีๆ รวมถึงดูแลประโยชน์ให้ลูกค้าได้ดี ไม่หวังฟ้นเงินจากลูกค้ามากเกินไป และไม่ทำให้ลูกค้าผิดหวัง เมื่อนั้น ร้านเสิรมสวย ของคุณก็จะประสบความสำเร็จแน่นอน
3. คือ หน้าร้านที่ดึงดูดลูกค้าใหม่ เมื่อมีเมื่อบวกกับบิรการที่ดีแล้ว ทำอย่างไรจะให้ร้านเสิรมสวยมีลูกค้าหน้าใหม่เดินเข้ามาในร้าน เพื่อญัรู้ถึงฝีมือและบิรการได้ หัวใจของการดึงดูลูกค้า
มีมากมาย ยกตัวอย่างได้ 2 - 3 ประการ คือ การตกแต่งหน้าร้านที่สวยงามตรงกับความต้องการของ
กลุ่มลูกค้า เช่น มีร้านเสิรมสวยอยู่ในย่านชานเมือง ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าระดับ C และ B นั่น
คือระดับกลางลงล่าง เป็นกลุ่มที่มีรายได้ปานกลาง ชอบเน้นที่บริการเป็นกันเอง และราคา สมเหตุสมผล แต่มีการตกแต่งร้านจนสวยโดดเด่นราคาแพงมากราวกับร้านที่ตั้งอยู่ในห้างสรรพ สินค้าชื่อดังอันดับหนึ่งของเมืองไทย ลูกค้าอาจจะไม่กล้าเข้าร้านเลยก็ได้ เพราะคิดว่าร้านนี้ราคาแพง
*ข้อมูลเงินลงทุนในธุรกิจร้านเสริมสวย
เงินลงทุนเริ่มต้น 2,000,000-5,000,000 บาท
ตกแต่งร้าน 1,500,000 บาท
ค่าเช่าสถานที่ 50,000 บาท
การบริการ
สระไดร์150-200 บาท
สระซอย 350-500 บาท
ยืดผม 1,000-3,000 บาท
ทำสีผม 1,000-3,000 บาท
อบไอน้ำ 300-800 บาท
แรงงาน 10-15 คน
กำไร 70 %
-ส่วนรายได้จะอยู่ที่ประมาณหลักแสนปลายๆ /เดือน