9/19/2012
เพาะถั่วงอก
ถั่วงอกเป็นพืชผักที่มีโภชนาการสูงโดยเฉพาะโปรตีน เกลือแร่และวิตามิน และเป็นที่นิยมรับประทานสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ที่รู้จักกันดี ก็เช่นใส่ในก๋วยเตี๋ยว กินเป็นผักแนมคู่กับขนมจีน ถ้าไม่ใช่ถั่วงอกก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ไม่อร่อยครบรสและที่สำคัญถั่วงอกเป็นพืชผักชนิดเดียวที่ใช้เวลาในการเพาะจนถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลาสั้นที่สุด หมายความว่า อาชีพเพาะถั่วงอกนั้นทำเงินกลับมาได้เร็วมาก โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 วันแล้วแต่ว่าเพาะในฤดูไหน ถ้าฤดูหนาวก็ใช้เวลานานนิดนึง
ดังนั้นถ้าใครอยากเพาะถั่วงอกเป็นอาชีพเสริมอิสระหรือถ้ารายได้ดีมากจะทำเป็นอาชีพหลักก็ย่อมได้ค่ะ
เงินลงทุนเพาะถั่วงอกขาย
อาชีพเพาะถั่วงอกขาย ไม่ได้ใช้เงินทุนมากมายเลย เพียงแค่ 1,500 บาท ก็ทำได้แล้ว
รายได้เพาะถั่วงอก ประมาณ 1,400 บาทต่อเมล็ดถั่วเขียว 15 กิโลกรัม
วิธีการเพาะถั่วงอก
เพาะในภาชนะได้หลายแบบ ก็ให้แต่ละท่านอ่านและพิจารณาดูว่า แบบไหนสะดวกกับการจัดการที่สุด
1. เพาะในโอ่ง
วัสดุอุปกรณ์
โอ่งน้ำ 5 ใบ
กระสอบข้าวสาร
อ่างล้างถั่วงอก
สายยาง
เมล็ดถั่วเขียว
ขั้นตอนการทำ
1. นำโอ่งน้ำ หรือโอ่งลายมังกรขนาดกลาง 5 ใบ มาเจาะรูที่ก้นโอ่งขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. 5 รูต่อใบ เพื่อให้น้ำไหลออก หลังจากนั้นนำเมล็ดถั่วเขียวน้ำหนัก แช่ในน้ำสะอาด 1 วัน
2. เมื่อแช่น้ำจนได้ที่แล้วให้ล้างเมล็ดถั่วเขียวให้สะอาด พร้อมกับช้อนเมล็ดถั่วที่ลอยน้ำทิ้งไป เพราะเป็นเมล็ดเสีย ใช้การไม่ได้ หลังจากนั้นนำเทลงในโอ่งๆละ 3 กก. ปิดทับด้วยกระสอบข้าวสาร ใช้ระยะเวลาในการเพาะ 3 วัน โดยแต่ละวันต้องรดน้ำวันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น
3. เมื่อครบ 3 วันจะได้ถั่วงอกมีความยาวประมาณ 3 ซม. น้ำหนักต่อโอ่ง 35-38 กก. ซึ่งรวม 5 โอ่งจะได้ถั่วงอกประมาณ 175 กก.
2. การเพาะถั่วงอกในเข่งไม้ไผ่
1. การเลือกเข่งไม้ไผ่ ควรใช้เข่งไม้ไผ่ผิวเรียบ ละเอียด สานเป็นเข่ง
2. ล้างถั่วเขียวให้สะอาด ปูเรียงลงไปจนได้ความสูง 1/2 ของเข่ง แล้วปูกระสอบป่านคลุมผิวหน้าเข่ง หรือใช้ไม้ไผ่ขัดแตะที่ผิวหน้า หรืออาจจะใช้ก้อนกรวดเรียงทับผิวหน้าบนอีกชั้นหนึ่ง
3. วางไว้ในที่ร่มและใช้น้ำสะอาด รดทุกๆ 2 ชั่วโมง
4.ผ่านไป 3 วันเก็บขายหรือนำมาทานได้
3.การเพาะถั่วงอกในปี๊บอะลูมิเนียม
1. เจาะรูที่ก้นปี๊บ แล้ววางแคร่ไม้เล็กๆ รองไว้ที่ก้นปี๊บ เพื่อให้ระบายน้ำง่าย
2. ปูผ้าพลาสติกกรีดเป็นริ้วๆ ลงบนแคร่ไม้ วัสดุที่ใช้เพาะถั่วงอกเป็นทรายหยาบ หรือขี้เถ้าแกลบที่สั่งเผาเฉพาะ (โดยที่ตัวแกลบยังอยู่ในสภาพที่เป็นรูปตัวแกลบอยู่)ปูทรายหยาบ หรือขี้เถ้าแกลบหนา 1.5 นิ้ว ทับผิวหน้าเมล็ดถั่วด้วยทรายหยาบ หรือขี้เถ้าแกลบ สลับกันระหว่างชั้นถั่วเขียว ประมาณ 5-6 ชั้น
3. ความสูงของเมล็ดถั่วเขียวในปี๊บไม่เกิน 1/2 ของความสูงปี๊บ
4. รดน้ำทุกวันๆ ละ 3 ครั้ง คือ เช้า เย็น และกลางดึก กะเวลาโดยประมาณ ได้ดังนี้ เช้า คือ ตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึง สิบโมงเช้า บ่ายประมาณ สี่โมงเย็น และกลางคืน ประมาณ เที่ยงคืน
5. ใช้เวลา 3 วัน ก็เก็บขายหรือบริโภคได้
4.การเพาะถั่งงอกในตะกร้าพลาสติก
1. ใช้ตะกร้าผลไม้ (แบบที่ใช้ในตลาดผลไม้ขายส่ง) เนื่องจากตะกร้าประเภทนี้จะมีรูระบายน้ำอยู่แล้ว จึงควรกรุด้วยกระสอบปุ๋ยก่อน
2. นำเมล็ดถั่วเขียวที่แช่น้ำแล้ว 1 คืน มาเทใส่ตะกร้าแล้วคลุมด้วยผ้ากระสอบปุ๋ย
3. รดน้ำด้วยสายยางทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน
4. เก็บขายหรือบริโภคได้
5.การเพาะถั่งอกในถังพลาสติก
1. นำถังพลาสติกทึบแสงเจาะรูระบายน้ำที่ก้นถังตามแนวตะเข็บเพื่อระบายน้ำ
2. เจาะรูด้านข้างถังเพื่อระบายอากาศ
3. ล้างเมล็ดถั่วเขียวให้สะอาด
4. แช่ถั่วเขียวเป็นเวลา 10 ชั่วโมงในน้ำอุ่นประมาณ 55 องศาเซลเซียส (ตอนเริ่มแช่ถั่ว) (น้ำร้อนต่อน้ำเย็น 1 : 1 )
5. ถ่ายเมล็ดถั่วลงในถังเพาะโดยนำฟองน้ำมาปิดด้านบนถั่ว แล้ววางถังเพาะไว้ในที่มืด
6. รดน้ำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ ชั่วโมงครึ่ง โดยการรดให้รดผ่านฟองน้ำ
7. ประมาณ 1 วัน ถั่วเขียวจะเริ่มงอกโดยมีรากสีขาวเล็กๆ ถ้าทำเพื่อการค้า อาจจะใส่สารถั่วอ้วน เพื่อให้ดูน่ากิน (สารถั่วอ้วน เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ช่วยให้ถั่วงอกที่เพาะอ้วนและโตเร็ว ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น แต่อย่างไรมันก็คือสารเคมี ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงนะคะ หรือถ้าเพาะทานกันในครอบครัวก็ไม่ต้องใช้ เพราะจะปลอดภัยกว่า) แต่ก่อนรดสารถั่วอ้วนควรงดให้น้ำก่อนและหลัง 2 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวหน้าเมล็ดแห้ง หลังจากนั้นก็รดน้ำตามปกติ จนกระทั่งครบ 2 วัน ก็ให้รดสารถั่วอ้วนอีกครั้ง โดยอัตราการใช้สารใช้สารขึ้นอยู่กับปริมาณถั่วเขียวที่ใช้เพาะ เมื่อเพาะครบ 3 วัน (ประมาณ 65-72 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มแช่ถั่วในน้ำ) แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับอุณหภูมิในช่วงฤดูกาลที่เพาะ เช่น ฤดูร้อนอาจใช้เวลาเพียง 65 ชั่วโมง แต่ฤดูหนาวอุณหภูมิต่ำอาจใช้เวลานานถึง 72 ชั่วโมง ก็สามารถนำไปขายหรือบริโภคได้
เคล็ดลับจับเงิน
1. เมล็ดพันธุ์ควรเป็นเมล็ดถั่วเขียวผิวมัน หรือผิวดำ
2. หากจะเพาะถั่วงอกในหน้าหนาว เวลาในการเพาะจะเพิ่มเป็น 4 วัน เพราะถั่วจะงอกช้ากว่าปกติ
3. หากมีเงินทุนและเพาะถั่วงอกจำนวนมาก ควรซื้อเครื่องปั็มน้ำพร้อมสายยาง ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มประมาณ 20,000 บาท
4. วิธีรดน้ำควรจะมีตะแกรงรองรับแรงดันน้ำที่ไหลมาตามสายยาง เพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันน้ำเซาะถั่วงอกแตกกระจาย ซึ่งจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของถั่วงอก และทำให้ถั่วงอกมีลักษณะหงิกงอ เสียรูปทรง
5. ถั่วงอกเมื่อเพาะเสร็จเรียบร้อยแล้วในถัง หรือภาชนะเพาะ จะมีลักษณะขาวสวย แต่เมื่อนำออกจากถังเพาะและถูกลมหรือแสงสว่างนานเกิน 3-4 ชั่วโมง ก็จะเกิดการสังเคราะห์แสง สีขาวจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และใบเลี้ยงจะเริ่มโผล่ออกมาทำให้ไม่น่ารับประทาน
เห็นมั้ยคะว่า การเพาะถั่วงอกไม่ได้ยาก และได้เงินเร็วด้วย ใครสนใจก็ไปลองทำกันดูเลยค่ะ
ขอบคุณ http://อาชีพเสริมอิสระ.com/
9/08/2012
เปิดร้านกาแฟอเมซอน
กาแฟอเมซอนเป็นที่นิยมของนักเดินทาง เนื่องจากทำเลที่ตั้งมักอยู่ที่ปั๊ม ปตท. นักเดินทางจึงถือว่ามีความสะดวกสบายในการพักรถ ซื้อของ รวมทั้งพักคนด้วยการแวะดื่มกาแฟ เมื่อกาแฟอเมซอนขายดี จึงมีผู้ให้ความสนใจที่จะเปิดร้านกาแฟหรือซื้อแฟรนไชส์อเมซอนกันไม่น้อย
ดังนั้นเราจึงรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาก่อนที่ตัดสินใจลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟอเมซอน
ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟอเมซอนลักษณะสินค้าและบริการในร้านกาแฟอเมซอน (ร้านกาแฟ Cafe Amazon)
มุ่งเน้นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 หมวดดังนี้
1. เครื่องดื่ม
2. ขนมเค้ก และเบเกอร์รี่
3. สินค้าพรีเมี่ยม
การจะเปิดร้านกาแฟอเมซอนนั้นมี 2 ลักษณะคือ
1. เป็นผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. อยู่แล้ว หรือ
2. สนใจสมัครเป็น Franchisee
ลองมาดูข้อมูลว่าตัวคุณสนใจและมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะร่วมธุรกิจกับ ปตท.หรือไม่
9/06/2012
ขายปอเปี๊ยะสด สูตรอาแปะ
ปอเปี๊ยะสดเป็นอาหารที่ทานง่าย อิ่มท้อง ได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน สามารถทานได้ทั้งเป็นอาหารว่างและอาหารหลัก ผู้ที่อยากควบคุมน้ำหนักก็ทานได้เพราะมีผักเยอะ
ปอเปี๊ยะสูตรนี้ คุณทวีศักดิ์ ถิรผดุงพงศ์ หรืออาแปะได้ให้ความกรุณาให้มาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่อยากลองทำอาชีพเสริมดู หรือทำทานที่บ้านก็ได้ ถ้าคิดจะทำขายต้องมีใจรักในการทำอาหารและค้าขาย สามารถตั้งขายหน้าบ้าน ใช้รถเข็น หรือไปขายที่ตลาดก็ได้ ขายปอเปี๊ยะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 บาท
ปอเปี๊ยะสูตรนี้ คุณทวีศักดิ์ ถิรผดุงพงศ์ หรืออาแปะได้ให้ความกรุณาให้มาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่อยากลองทำอาชีพเสริมดู หรือทำทานที่บ้านก็ได้ ถ้าคิดจะทำขายต้องมีใจรักในการทำอาหารและค้าขาย สามารถตั้งขายหน้าบ้าน ใช้รถเข็น หรือไปขายที่ตลาดก็ได้ ขายปอเปี๊ยะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 บาท
เครื่องปรุงและส่วนผสม (สำหรับ 100 จาน)
1. หมูตั้ง 1 กก.
2. กุนเชียง 1 กก.
3. ไข่เจียว 25-30 ฟอง
4. เนื้อปู 1.5 กก.
5. แตงกวา 1.5 กก.
6. ต้นหอม ½ กก.
7. พริกชี้ฟ้า 1 กก.
8. ถั่วงอก 4 กก.
9. เต้าหู้ 25 ก้อน
10. แผ่นปอเปี๊ยะ กว้าง 6 นิ้ว
11. หมูสามชั้น 0.5 กก.
12. ซีอิ๊วดำ
13. น้ำตาลปี๊บ
14. โป๊ยกั๊ก อบเชย
15. น้ำส้มสายชูอย่างดี 1 ขวด
1. หมูตั้ง 1 กก.
2. กุนเชียง 1 กก.
3. ไข่เจียว 25-30 ฟอง
4. เนื้อปู 1.5 กก.
5. แตงกวา 1.5 กก.
6. ต้นหอม ½ กก.
7. พริกชี้ฟ้า 1 กก.
8. ถั่วงอก 4 กก.
9. เต้าหู้ 25 ก้อน
10. แผ่นปอเปี๊ยะ กว้าง 6 นิ้ว
11. หมูสามชั้น 0.5 กก.
12. ซีอิ๊วดำ
13. น้ำตาลปี๊บ
14. โป๊ยกั๊ก อบเชย
15. น้ำส้มสายชูอย่างดี 1 ขวด
สูตรน้ำราดปอเปี๊ยะรสเด็ด
ส่วนผสม
1. แป้งหมี่ ½ กก.
2. น้ำ 5 กก.
3. น้ำตาลทราย 1.5 กก.
4. ลูกบ๊วย 20 เม็ด
5. ซีอิ๊วกะให้สีพอสวย
6. งาขาวคั่ว 1 ขีด
7. เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสม
1. แป้งหมี่ ½ กก.
2. น้ำ 5 กก.
3. น้ำตาลทราย 1.5 กก.
4. ลูกบ๊วย 20 เม็ด
5. ซีอิ๊วกะให้สีพอสวย
6. งาขาวคั่ว 1 ขีด
7. เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. บดลูกบ๊วยดองเลือกเอาแต่เนื้อ
2. เอาแป้งหมี่ทั้งหมดมาแช่น้ำ 5 กก. เอากระชอนมากรองพร้อมกับบดแป้งไปด้วย อย่าให้แป้งจับเป็นก้อน
3. เอาส่วนผสมทุกอย่างมาใส่ในกระทะ เปิดไฟแรงก่อนพอเริ่มเดือดก็หรี่เป็นไฟอ่อน เคี่ยวและคนให้เข้ากัน อย่าให้ติดกระทะ อย่าให้เป็นเม็ดแข็ง สังเกตว่าน้ำเริ่มเหนียว ก็ยกลงเทใส่ภาชนะทิ้งไว้
4. ใส่พริกป่นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากัน รสชาติน้ำจิ้มที่ได้ จะมีสามรสคือ เปรี้ยว หวาน เผ็ด รสกลมกล่อม
5. น้ำจิ้มนี้ต้องทำแบบทิ้งไว้ 1 คืน คือทำวันนี้ แล้วค่อยขายวันรุ่งขึ้น เพื่อให้น้ำจิ้มข้น ซึ่งตอนเช้าก่อนจะขายก็ให้ลอกหน้าของน้ำจิ้มที่ทิ้งไว้ซึ่งจะเกาะกันเหนียวเป็นแผ่นทิ้งไป เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำจิ้มรสอร่อยพร้อมขายได้แล้ว
1. บดลูกบ๊วยดองเลือกเอาแต่เนื้อ
2. เอาแป้งหมี่ทั้งหมดมาแช่น้ำ 5 กก. เอากระชอนมากรองพร้อมกับบดแป้งไปด้วย อย่าให้แป้งจับเป็นก้อน
3. เอาส่วนผสมทุกอย่างมาใส่ในกระทะ เปิดไฟแรงก่อนพอเริ่มเดือดก็หรี่เป็นไฟอ่อน เคี่ยวและคนให้เข้ากัน อย่าให้ติดกระทะ อย่าให้เป็นเม็ดแข็ง สังเกตว่าน้ำเริ่มเหนียว ก็ยกลงเทใส่ภาชนะทิ้งไว้
4. ใส่พริกป่นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากัน รสชาติน้ำจิ้มที่ได้ จะมีสามรสคือ เปรี้ยว หวาน เผ็ด รสกลมกล่อม
5. น้ำจิ้มนี้ต้องทำแบบทิ้งไว้ 1 คืน คือทำวันนี้ แล้วค่อยขายวันรุ่งขึ้น เพื่อให้น้ำจิ้มข้น ซึ่งตอนเช้าก่อนจะขายก็ให้ลอกหน้าของน้ำจิ้มที่ทิ้งไว้ซึ่งจะเกาะกันเหนียวเป็นแผ่นทิ้งไป เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำจิ้มรสอร่อยพร้อมขายได้แล้ว
วิธีทำพะโล้
1. นำเต้าหู้มาหั่นเป็นชิ้นขนาด 2X6 ซม.แล้วนำมาทอด สุกเหลืองตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
2.ตั้งน้ำพอประมาณ พอน้ำเดือดใส่ซีอิ๊วดำ น้ำตาลปี๊บ หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นไม่ต้องเล็กมาก ตามด้วด้วยเต้าหู้ที่ทอดแล้ว เคี่ยวต่อไปพอให้น้ำพะโล้เข้าเนื้อเต้าหู้จนเหลือน้ำขลุกขลิก
1. นำเต้าหู้มาหั่นเป็นชิ้นขนาด 2X6 ซม.แล้วนำมาทอด สุกเหลืองตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน
2.ตั้งน้ำพอประมาณ พอน้ำเดือดใส่ซีอิ๊วดำ น้ำตาลปี๊บ หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นไม่ต้องเล็กมาก ตามด้วด้วยเต้าหู้ที่ทอดแล้ว เคี่ยวต่อไปพอให้น้ำพะโล้เข้าเนื้อเต้าหู้จนเหลือน้ำขลุกขลิก
ต่อไปเป็นการเตรียมเครื่องเคราที่ใช้ในการทำปอเปี๊ยะสด
1. ลวกถั่วงอก แล้วทิ้งไว้ให้เย็น
2. หมูตั้งหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 5 ซม. อาแปะบอกว่า ถ้าจะให้อร่อยตามสูตรที่ใช้ประจำ ให้ไปซื้อที่ตลาดเก่าเยาวราช หลังธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเยาวราช
3. กุนเชียงนำไปทอดแล้วหั่นตามยาว
4. ทำไข่เจียวแบบบาง คือ นำไข่มาตีรวมกันทั้งไข่ขาวและแดง ตีให้ฟู ตั้งกระทะน้ำมันใช้น้ำมันพืชทากระทะให้ทั่ว เปิดไฟอ่อนๆ พอกระทะร้อน เทไข่ลงไปแล้วตะแคงกระทะ ให้ไข่เจียวกระจายเต็มกระทะเป็นรูปวงกลม และต้องให้บางที่สุด ซึ่งการทอดไข่นี้หากทำแรกๆ อาจจะหนาไป แต่พอชำนาญก็จะได้ไข่เจียวแบบบาง เมื่อทอดไข่เสร็จแล้วให้ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำมาหั่นฝอย
5. เนื้อปู ควรซื้อเนื้อกรรเชียงปู เพื่อให้ได้เนื้อปูเป็นเส้นสวย นำเนื้อปูมาฉีกให้เป็นเส้นเล็กลง
6. แตงกวา ล้าง ตัดหัวท้าย ผ่าซีกตามยาว
7. หั่นพริกสดเป็นแว่นใส่น้ำส้มสายชูไว้ให้ลูกค้าตักเติมตามใจชอบ
เมื่อเครื่องครบแล้ว ก็ถึงเวลาขาย
1. ลวกถั่วงอก แล้วทิ้งไว้ให้เย็น
2. หมูตั้งหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 5 ซม. อาแปะบอกว่า ถ้าจะให้อร่อยตามสูตรที่ใช้ประจำ ให้ไปซื้อที่ตลาดเก่าเยาวราช หลังธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเยาวราช
3. กุนเชียงนำไปทอดแล้วหั่นตามยาว
4. ทำไข่เจียวแบบบาง คือ นำไข่มาตีรวมกันทั้งไข่ขาวและแดง ตีให้ฟู ตั้งกระทะน้ำมันใช้น้ำมันพืชทากระทะให้ทั่ว เปิดไฟอ่อนๆ พอกระทะร้อน เทไข่ลงไปแล้วตะแคงกระทะ ให้ไข่เจียวกระจายเต็มกระทะเป็นรูปวงกลม และต้องให้บางที่สุด ซึ่งการทอดไข่นี้หากทำแรกๆ อาจจะหนาไป แต่พอชำนาญก็จะได้ไข่เจียวแบบบาง เมื่อทอดไข่เสร็จแล้วให้ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำมาหั่นฝอย
5. เนื้อปู ควรซื้อเนื้อกรรเชียงปู เพื่อให้ได้เนื้อปูเป็นเส้นสวย นำเนื้อปูมาฉีกให้เป็นเส้นเล็กลง
6. แตงกวา ล้าง ตัดหัวท้าย ผ่าซีกตามยาว
7. หั่นพริกสดเป็นแว่นใส่น้ำส้มสายชูไว้ให้ลูกค้าตักเติมตามใจชอบ
เมื่อเครื่องครบแล้ว ก็ถึงเวลาขาย
เริ่มขายได้เลย
1. นำแผ่นปอเปี๊ยะมาวางแล้วใส่ถั่วงอกลงไปกะให้พอดีว่าม้วนได้ไม่เล็กหรือใหญ่มาก วางตรงกลางแผ่นปอเปี๊ยะ
2. วางเต้าหู้พะโล้ ใส่แตงกวา 2 ชิ้น หมูตั้งและกุนเชียงอย่างละชิ้น ใส่เนื้อปู โรยหน้าด้วยไข่หั่นฝอย
3. ม้วนแผ่นปอเปี๊ยะให้เป็นวงกลม พับปิดหัวปิดท้าย นำมาหั่นใส่จาน ราดหน้าด้วยน้ำจิ้ม แล้ววางต้นหอมไว้ริมจาน
4. ใน 1 จาน ใช้ปอเปี๊ยะ 2 แผ่น หากใส่เนื้อปูคิดจานละ 35 บาท หาไม่ใส่คิดจานละ 25 บาท
สูตรนี้ลูกค้าหลายคนติดใจ ตามมากินกับอาแปะ จนกระทั่งทำงานแล้วก็ยังกลับมากิน คิดดูว่าจะอร่อยแค่ไหน แต่ว่าต้องมีการฝึกทำก่อนที่จะออกไปขายจริงเพื่อให้รสมือคงที่
1. นำแผ่นปอเปี๊ยะมาวางแล้วใส่ถั่วงอกลงไปกะให้พอดีว่าม้วนได้ไม่เล็กหรือใหญ่มาก วางตรงกลางแผ่นปอเปี๊ยะ
2. วางเต้าหู้พะโล้ ใส่แตงกวา 2 ชิ้น หมูตั้งและกุนเชียงอย่างละชิ้น ใส่เนื้อปู โรยหน้าด้วยไข่หั่นฝอย
3. ม้วนแผ่นปอเปี๊ยะให้เป็นวงกลม พับปิดหัวปิดท้าย นำมาหั่นใส่จาน ราดหน้าด้วยน้ำจิ้ม แล้ววางต้นหอมไว้ริมจาน
4. ใน 1 จาน ใช้ปอเปี๊ยะ 2 แผ่น หากใส่เนื้อปูคิดจานละ 35 บาท หาไม่ใส่คิดจานละ 25 บาท
สูตรนี้ลูกค้าหลายคนติดใจ ตามมากินกับอาแปะ จนกระทั่งทำงานแล้วก็ยังกลับมากิน คิดดูว่าจะอร่อยแค่ไหน แต่ว่าต้องมีการฝึกทำก่อนที่จะออกไปขายจริงเพื่อให้รสมือคงที่
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก http://xn--b3c4bjhb3bcsf6an2ach0o.com/ขายปอเปี๊ยะสด-สูตรอาแปะ/
Subscribe to:
Posts (Atom)