tag:blogger.com,1999:blog-31688658362803227652024-02-20T06:23:42.357+07:00อาชีพรวมข้อมูล อาชีพเพื่อเพิ่มรายได้ กำลังมองหา อาชีพเสริม หรือธุรกิจส่วนตัวที่น่าสนใจ อยากออกจากงานมาเป็นเจ้านายตัวเอง เริ่มได้ที่นี่ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจของคุณkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comBlogger133125tag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-26599844175459149132013-06-14T14:49:00.000+07:002013-06-14T14:49:20.330+07:00อาชีพขายยำปลาโชกุนทอดกรอบยำสูตรนี้ทำรับประทานเองในบ้านก็อร่อย ทำขายก็ได้ ถ้าทำขายจานนึงราคาประมาณ 80 บาท ปลาโชกุนทอดกรอบนี้ซื้อจาก ท็อปซูเปอร์มาเก็ต ราคาเลยอาจจะแพงหน่อย แต่ว่าเอามาทำรับประทานก็ได้ 2 มื้อสบายๆ ทำขายก็ได้กำไรมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์แน่นอน แล้วแต่ว่าใครจะเลือกว่าจะทำรับประทานหรือทำขายก็ไม่ว่ากัน เรามาดูส่วนผสมกันเลยดีกว่าค่ะ<br />
<br />
<b> ส่วนผสมและเครื่องปรุง</b><br />
1. ปลาโชกุนทอดกรอบ ( กก. 700 บาท) 1/2 ขีด<br />
(1 ขีด 70 บาท ยำได้ 2 จานใหญ่ๆ)<br />
2. หัวหอมแดง 5 หัว<br />
3. ตะไคร้สด 5 ต้น<br />
4. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ<br />
5. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ<br />
6. พริกชี้ฟ้า 15 เม็ด<br />
7. มะม่วงเปรี้ยวๆขนาดกลาง 1 ลูก<br />
<br />
<b>วิธีทำ<a href="http://idooidea.blogspot.com/2013/06/blog-post_14.html" target="_blank">ยำปลาโชกุนทอดกรอบ</a></b><br />
1. ปอกมะม่วง แล้วสับเป็นชิ้นเล็กๆ<br />
2. ปอกหอม ล้างให้สะอาดซอยเป็นชิ้นบาง<br />
3.แกะตะไคร้เอากาบด้านนอกออกพอประมาณ แล้วซอยละเอียดๆ เตรียมไว้<br />
4.หั่นพริกชี้ฟ้า ใส่ถ้วย<br />
5.นำน้ำปลาและน้ำตาลมาละลายให้เข้ากัน ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมให้ได้รสเปรี้ยว หวาน เผ็ด เค็ม<br />
6.นำปลาโชกุนทอดกรอบจัดใส่จาน แล้วนำน้ำยำราด แค่นี้ก็ได้ยำรสชาติแซบๆ แล้วค่ะ ทานกับข้าวต้มก็อร่อยอย่าบอกใครเลยนะ<br />
<br />
อ้อ ใครที่อยากทำยำปลากรอบแบบอื่นๆ ก็ใช้สูตรนี้ได้เหมือนกันค่ะ ลองเปลี่ยนชนิดของปลาไปเรื่อยๆ รสชาติจะได้แปลกไป<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhz-Ho1QruQj1HKoeJA_PXia6B0lnllvvNTr7M3EjJuhaaXTj0NXEeLExKD_3CPuwPjqQjF4hUfK0rAtst23q8Xl4s_UTVlxPbRnsmYhpT2hadXa8Ex4vUk1QA3L2iihyphenhyphenkbpDp4VyWUTE1j/s1600/%E0%B8%A2%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%995.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhz-Ho1QruQj1HKoeJA_PXia6B0lnllvvNTr7M3EjJuhaaXTj0NXEeLExKD_3CPuwPjqQjF4hUfK0rAtst23q8Xl4s_UTVlxPbRnsmYhpT2hadXa8Ex4vUk1QA3L2iihyphenhyphenkbpDp4VyWUTE1j/s320/%E0%B8%A2%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%995.JPG" width="320" /></a></div>
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-1536255947484719112013-06-04T15:54:00.000+07:002013-06-04T15:54:04.376+07:00ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนจะพูดว่า<a href="http://idooidea.blogspot.com/2013/06/blog-post.html" target="_blank">ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน</a>ก็ไม่ค่อยได้เต็มปาก เพราะว่าสูตรนี้ใช้สาหร่ายพันแทนเส้นก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากทานแป้งมากเกินไป<br />
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiTUxI6SwUJlnxAbiZ6gNNtmRPzcAYgDZCo8xrfquaaOP4qaXv1IFZt4w0jpadUnHM84031jiYDSR8-uaWi83KJMtBOgEMh3anBEu-gCwiUEkZCUtGA_GMGh6pGzX-2NFry8hZXZvPIsLDc/s1600/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%998.JPG" imageanchor="1" style="clear: left; float: left; margin-bottom: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiTUxI6SwUJlnxAbiZ6gNNtmRPzcAYgDZCo8xrfquaaOP4qaXv1IFZt4w0jpadUnHM84031jiYDSR8-uaWi83KJMtBOgEMh3anBEu-gCwiUEkZCUtGA_GMGh6pGzX-2NFry8hZXZvPIsLDc/s320/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%998.JPG" width="320" /></a><br />
<b>ส่วนผสมสำหรับ 1 ที่</b><br />
สาหร่ายแบบแผ่นใหญ่ ประมาณ 8 นิ้ว X 8 นิ้ว 2 แผ่น<br />
ปูอัด หั่นเป็นแท่งยาว 2 แท่ง<br />
ยี่หร่าเด็ดเป็นใบยาวๆ<br />
สะระแหน่ 10 ใบ<br />
ผัดกาดหอม 4 ใบ<br />
แตงกวาหั่นเป็นท่อนยาวๆ 2 ท่อน<br />
แครอท 4 แท่ง<br />
เนื้อปลาทูน่าพอประมาณ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
คลี่สาหร่ายแบบแผ่น แล้วสเปรย์น้ำเล็กน้อยเพื่อให้สาหร่ายอ่อนตัว เวลาพันจะได้ไม่หลุดออกจากกัน<br />
วางส่วนผสมทั้งหมด แล้วพันให้เป็นแท่งยาวๆ ทำ 2 แท่ง<br />
หั่นให้ได้ประมาณ 6 ชิ้นต่อแท่ง กล่องหนึ่งจะมี 12 ชิ้นเล็กๆ<br />
ราคาขายพร้อมน้ำยำกล่องละ 35 บาท<br />
ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้แผ่นก๋วยเตี๋ยวแทนก็ได้เช่นกันค่ะ<br />
<br />
<b>น้ำยำสำหรับราด</b><br />
1. มะม่วงเปรี้ยวสับ<br />
2. พริกสดหั่นละเอียด<br />
3. กระเทียมสับ<br />
4. น้ำตาล<br />
5. น้ำปลา<br />
<b>วิธีทำ </b><br />
น้ำส่วนผสมทั้งหมดผสมเข้าด้วยกัน ชิมรสให้เปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2ZU-k23dGNILYyGg7OfCzipqgS9G-VzHujRenKFUFZvFRijKJ91QGA5NUba7jpBo4Pl3JjgWME09UvkXXkc2dyk7jfSvrwovxxTxI54VAh3nbrk_aOIozH5nElpzSeahbs4p11jIvvPCz/s1600/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%995.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg2ZU-k23dGNILYyGg7OfCzipqgS9G-VzHujRenKFUFZvFRijKJ91QGA5NUba7jpBo4Pl3JjgWME09UvkXXkc2dyk7jfSvrwovxxTxI54VAh3nbrk_aOIozH5nElpzSeahbs4p11jIvvPCz/s320/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%995.JPG" width="320" /></a></div>
<br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-8615462205374068072013-05-29T14:26:00.000+07:002013-05-29T14:26:00.484+07:00อาชีพทำพิซซ่าขาย พิซซ่านั้นเป็นพายชนิดหนึ่ง สัญชาติอิตาเลียน เป็นอาหารที่คนไทยนิยมรับประทาน พิซซ่าที่เราๆ รับประทานนั้นแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ แผ่นแป้ง ซอส และหน้าต่างๆ ที่สำคัญคือ พิซซ่าต้องรับประทานร้อนๆ จึงจะอร่อย ถ้าทิ้งไว้ให้เย็น รสชาติจะกร่อยลงอย่างมาก<br />
<br />
<b>สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการทำพิซซ่า</b><br />
1. ถาดพิซซ่า ควรใช้ถาดที่ทำด้วยโลหะ หรือถาดแก้วทนไฟ<br />
2. หม้อสำหรับเคี่ยวซอส ควรใช้หม้อเหล็กเคลือบ หรือหม้อสแตนเลส ไม่ควรใช้กระทะทอง หรือหม้ออะลูมิเนียม<br />
3. แป้ง การเลือกแป้งนั้นให้เลือกแป้งใหม่ ไม่มีกลิ่นอับ ไม่มีมอดแป้งขนมปังเนื้อจะหยาบกว่าแป้งเค้ก สีเข้มกว่า มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำสูง บางสูตรใช้แป้งสาลีธรรมดา หรือที่เรียกว่าแป้งออนเฟอร์โพส 4. ยีสต์ เลือกซื้อชนิดซองเล็ก และเก็บไว้ในตู้เย็น ดูวันหมดอายุด้วย<br />
5. น้ำ ใช้น้ำอุ่น<br />
6. ผงออริกาโน มีขายตามซุปเปอร์มาเก็ต เลือกที่ผลิตใหม่<br />
7. กระเทียม ใช้กลีบเล็กจะหอมกว่ากลีบใหญ่<br />
8. หอมใหญ่ เลือกหอมใหญ่ที่เนื้อแน่น<br />
9. เครื่องเทศปรุงรส เลือกใช้ของใหม่ๆ สด เพื่อกลิ่นและรสชาติที่ดี<br />
10. เนื้อสัตว์หรืออาหารกระป๋องที่จะเอามาทำหน้าต่างๆ ต้องดูที่สดใหม่ ไม่หมดอายุ<br />
<br />
เครื่องปรุง ( 3 ถาด)<br />
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 5 ถ้วยตวง<br />
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา<br />
ผงฟู 2 ช้อนชา<br />
น้ำตาลทราย 1 1/2 2 ช้อนโต๊ะ<br />
เนย 3/4 ถ้วยตวง<br />
น้ำสับปะรดคั้น 1/4 ถ้วยตวง<br />
น้ำ 1/2 ถ้วยตวง<br />
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ตวงแป้ง เกลือ ผงฟู ร่อน 2 คน<br />
2. ใส่น้ำตาลทราย คนให้กระจาย ตัดเนยใส่ลงในแป้ง ใช้มีดตัดเนยเป็นชิ้นเล็กๆ คลุกกับแป้ง พรมน้ำสับปะรด บนแป้ง ตะล่อมแป้ง นวดให้เข้ากัน พักแป้งไว้ 30 นาที แล้วใช้ผ้าขาวบางชุบน้ำพอหมด คลุมเอาไว้<br />
3. นำแป้งมากรุลงในถาดที่ทาไขมันแล้ว เทแป้งหนา 1/8 นิ้วฟุต แล้วใช้ส้อมจิ้มแผ่นแป้งให้เป็นรู เพื่อให้อากาศผ่านได้<br />
4. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 380 องศาฟาเรนไฮต์ เพื่อให้แป้งกรอบ<br />
5. เอามาแต่งหน้า แล้วอบอีกครั้งที่อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ให้หน้าร้อนจัด เสิร์ฟทันทีตอนที่ยังร้อนจัด<br />
<br />
ซอสพิซซ่าแบบที่ 1<br />
ส่วนผสม<br />
ชอสมะเขือเทศ 1 1/4 ถ้วยตวง<br />
หอมหัวใหญ่สับ 1/2 ถ้วยตวง<br />
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา<br />
ผงออริกาโน 2 ช้อนชา<br />
กระเทียมสับละเอียด 1/2 ช้อนชา<br />
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ<br />
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา<br />
น้ำมันสลัด 2 ช้อนโต๊ะ<br />
ใบกระวาน 3 ใบ<br />
<br />
<b>ซอสพิซซ่าแบบที่ 2</b><br />
ชอสมะเขือเทศ 1 1/4 ถ้วยตวง<br />
ผงออริกาโน 1/4 ช้อนชา<br />
กระเทียมสับละเอียด 1/2 ช้อนชา<br />
พริกไทยดำป่น 1/4 ช้อนชา<br />
เนยแข็งโมซซาเรลล่าชีส (มีขายตามซุปเปอร์มาเก็ตชั้นนำ เป็นเนยที่ใช้ทำพิซซ่าโดยเฉพาะ ซึ่งเมื่อโดนความร้อนจะเป็นยางยืด) 2 ช้อนชา<br />
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
เทซอสมะเขือเทศใส่ชาม แล้วเทส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วทาให้ทั่วแผ่นแป้ง<br />
<br />
<b>พิซซ่าหน้ากุ้ง</b><br />
เครื่องปรุง<br />
กุ้ง 1/2 กก.<br />
พริกหวาน 2 เม็ด<br />
หอมใหญ่ 2 หัว<br />
มะเขือเทศลูกใหญ่ 2 ลูก<br />
เห็ดฟาง 3 ขีด<br />
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ<br />
เนยแข็งโมซซาเรลล่าชีส 1/2 ก้อน<br />
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา<br />
ผงออริกาโน 1/2 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ล้างกุ้ง แกะเปลือก ผ่าหลังเอาเส้นดำออก<br />
2. หอมผ่าครึ่งตามขวาง พริกหวานผ่าครึ่งตามยาวบ้าง ขวางบ้าง หั่นยาวๆ เห็ดฟางหั่นเป็นชิ้นตามยาว<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เอาหอมใหญ่ลงผัดจนหอม ใส่กุ้ง มะเขือเทศ และเห็ดผัดพออ่อนตัว ใส่พริกไทย ผงออริกาโน<br />
2. ตักส่วนผสมทั้งหมดใส่จาน แล้วเลือกเฉพาะส่วนที่แห้ง ตักส่วนผสมเฉพาะที่แห้งใส่หน้าพิซซ่าที่ทาซอสแล้ว<br />
3. โรยด้วยเนยแข็งขูดฝอย เข้าเตาอบ ใช้อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 นาที หรือจนเนยละลายเริ่มเกรียม<br />
<br />
<b>แผ่นแป้งพิซซ่า </b><br />
เครื่องปรุง<br />
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 1/2 ถ้วยตวง<br />
ยีสต์ 2 ช้อนชา<br />
น้ำตาล 1 ช้อนชา<br />
เกลือป่น 1/8 ช้อนชา<br />
น้ำ 1/2 ถ้วยตวง<br />
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ<br />
<br />
<b><a href="http://idooidea.blogspot.com/2013/05/blog-post.html" target="_blank">พิซซ่า</a>หน้าไส้กรอก</b><br />
เครื่องปรุง<br />
ไส้กรอกรมควัน 3 ขีด<br />
พริกหวาน 2 ลูก<br />
เห็ดฟาง 2 ขีด<br />
หอมใหญ่ 2 ลูก<br />
เนยแข็งโมซซาเรลล่าชีส 1 ก้อน<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. หั่นไส้กรอกบางๆ<br />
2. พริกหวานผ่าครึ่งตามยาว แล้วหั่นตามขวางบางๆ<br />
3. หั่นเห็ดฟางตามยาว หนาซักหน่อย<br />
4. หอมใหญ่ปอกเปลือกหั่นเป็นแว่นๆ<br />
5. เรียงส่วนผสมทั้งหมดบนซอสที่ราดหน้าไว้ โดยเรียงสลับกันหลายๆ อย่างจนเต็มชิ้นพิซซ่า<br />
6. หั่นเนยแข็งเป็นชิ้นเล็กๆ บางๆ หรือจะขูดฝอยโรยให้ทั่ว เข้าเตาอบ ใช้อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 20 นาที หรือจนเนยละลายเริ่มเกรียม<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOK0A3nfRkxfIWb2y_xDi8AOYPqLp-DzmkW5Rw6d4hJRGrP32jn3MUO0fHUvCr10z0IsxJWq4Cpnx0U90SH7BywHwQ3p07NLMt29hBaCerqUqQCQtvvZO9f2rKFIwasKk6EiWNmMijnmi5/s1600/pizza.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="213" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjOK0A3nfRkxfIWb2y_xDi8AOYPqLp-DzmkW5Rw6d4hJRGrP32jn3MUO0fHUvCr10z0IsxJWq4Cpnx0U90SH7BywHwQ3p07NLMt29hBaCerqUqQCQtvvZO9f2rKFIwasKk6EiWNmMijnmi5/s320/pizza.jpg" width="320" /></a></div>
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-21699276976844888962013-02-26T11:20:00.001+07:002013-02-26T11:20:40.450+07:00อบรมนวดแผนไทย อบสปา และสมุนไพรฟรีที่รัตนาภา ฟรีอาหาร ที่พัก<br />
รัตนาภาเป็นศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสำหรับสตรี ตั้งอยู่ที่จ.ขอนแก่น เหมาะผู้ที่ต้องการฝึกวิชาชีพโดยไม่ต้องใช้เงินลงทุน แถมมีการให้สวัสดิการอย่างดี อย่าพลาดโอกาสนี้ค่ะ<br />
<b>หลักสูตร 6 เดือน</b><br />
1. เสริมสวยสตรี และตัดผมชาย<br />
2. นวดแผนไทย อบสมุนไพร และสปา<br />
3. ตัดเย็บเสื้อผ้า<br />
4. โภชนาการ<br />
5. บริการโรงแรม<br />
6. พนักงานช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุและเด็ก<br />
7. ศิลปะการประดิษฐ์<br />
<br />
<b>ระดับปวช. หลักสูตร 3 ปี (ผู้ที่จบมัธยมศึกษาปีที่ 3 )</b><br />
1. สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ<br />
2. สาขาการขาย<br />
(สองสาขานี้ทำข้อตกลงกับวิทยาลัยสารพัดช่างขอนแก่น)<br />
3. สาขาผ้าและเครื่องแต่งกาย<br />
4. สาขาการโรงแรมและการท่องเที่ยว<br />
(สองสาขานี้ทำข้อตกลงร่วมกับ กศน.)<br />
<br />
<b>คุณสมบัติของผู้สมัคร</b><br />
สตรีและบุคคลทั่วไป อายุ 13 ปีขึ้นไป ทุกแผนก ยกเว้น แผนกนวดแผนไทย อบสมุนไพรและสปา รับสตรีที่อายุ 17 ปีขึ้นไป หรือพิจารณาตามความเหมาะสม สำหรับแผนกบริการโรงแรม แผนกพนักงานช่วยเหลือดูแลผู้สูงอายุและเด็ก รับสมัครผู้ที่มีอายุ 17-35 ปี จบมัธยมศึกษาปีที่ 3 หรือเทียบเท่า ขึ้นไป<br />
ฝึกอบรมอาชีพ ช่วงที่ 1 ระหว่างเดือนตุลาคม-มีนาคม<br />
<span class="Apple-tab-span" style="white-space: pre;"> </span>ช่วงที่ 2 ระหว่างเดือนเมษายน-กันยายน<br />
<br />
<b>สวัสดิการที่จัดให้ฟรี</b><br />
1. อาหาร 3 มื้อ<br />
2. ค่าวัสดุ ชุดฟอร์ม<br />
3. หอพักฟรี<br />
4. เครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ฯลฯ<br />
5. การให้การศึกษาต่างๆ<br />
6. เรียนจบ หางานให้ทำ<br />
7. การดูแลเบื้องต้นในกรณีที่เจ็บป่วย<br />
8. จัดให้มีกิจกรรมนันทนาการ การกีฬาอื่นๆ<br />
<br />
<b>ใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่ </b><br />
ศูนย์สงเคราะห์และฝึกอาชีพสตรีรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์<br />
ที่อยู่ 497 หมู่ 14 ถนนมิตรภาพ ตำบลศิลา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000<br />
โทร 043-243350, 043-342950 (รับสมัครทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ)<br />
<br />
<span style="color: blue;">รายงานตัวเข้าฝึกอบรม วันที่ 22-23 เมษายน 2556</span> รีบๆ สมัครกันนะคะ<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhg1pIjQp_qP_vPs0q8rnwp8G79AW095Z4RVJ8twJb3MXmbSA-GjyJ1tP0B3AHxRrr9IqHbrFDPC1pq7KwuatIRNDOKMetMVjl99lxcMZ1Cm5l_rCZYXC_W1RNxguR91fA82R468aWw5xSr/s1600/CIMG6804.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhg1pIjQp_qP_vPs0q8rnwp8G79AW095Z4RVJ8twJb3MXmbSA-GjyJ1tP0B3AHxRrr9IqHbrFDPC1pq7KwuatIRNDOKMetMVjl99lxcMZ1Cm5l_rCZYXC_W1RNxguR91fA82R468aWw5xSr/s320/CIMG6804.JPG" width="320" /></a></div>
<br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-80400018958816099882013-02-14T14:40:00.000+07:002013-02-14T14:40:16.156+07:00อาชีพขายเกี๊ยวทอด <br />
เกี๊ยวทอดนั้นเป็นอาชีพที่ทำง่าย เพราะการเตรียมไม่ยุ่งยาก อุปกรณ์ก็ไม่ได้มากมายอะไร เหมาะแก่การทำเป็นอาชีพเสริมยามเย็น ใครสนใจก็ลองดูสูตรและวิธีทำได้เลย<br />
<a href="http://idooidea.blogspot.com/2013/02/blog-post.html" target="_blank">เกี๊ยวทอด</a>แบบธรรมดา คือ ใส่หมูสับ ขายกันชิ้นละ 1 บาท ซึ่งเมื่อคำนวณดูแล้วได้กำไรดีพอสมควร ถ้าใครสนใจก็ลองทำขายกันดูได้<br />
<br />
สูตรเกี๊ยวทอด<br />
เครื่องปรุง<br />
1. เกี๊ยวสำหรับทอด 1 ห่อ<br />
2. หมูสับปรุงรสกระเทียมพริกไทย<br />
3. ฮอทด๊อก<br />
4. น้ำมันสำหรับทอด<br />
<br />
วิธีทำ<br />
นำเกี๊ยวมาห่อ ไส้ฮอทดอก หรือไส้หมูสับ ทอดพอเหลือง ขายชิ้นละ 1 บาท ใช้น้ำจิ้มลูกชิ้น<br />
<br />
แต่ถ้าใครอยากเปลี่ยนรูปแบบหรือรสชาติใหม่ๆ ก็ลองสูตรเกี๊ยวทอดปู เพิ่มราคาขายได้อีกเป็นชิ้นละ 2 บาท<br />
<br />
สูตรเกี๊ยวทอดปู<br />
1. เกี๊ยวสำหรับทอด 1 ห่อ<br />
2. ปูอัด 10 แท่ง<br />
3. หมูบดปนมัน 1/2 กิโลกรัม<br />
4. แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ<br />
5. รากผักชี 1 ต้น<br />
6. เกลือ น้ำตาลทราย พริกไทย ซีอิ๊วขาว<br />
<br />
วิธีทำ<br />
1. นำส่วนผสมตั้งแต่ข้อ 2-6 มาปั่นรวมกัน ปรุงรสให้ออกเค็มหวาน<br />
2. เมื่อปั่นเสร็จให้ตีไส้ให้เหนียว และใช้แผ่นเกี๊ยวห่อ โดยใส่ไส้พอสมควร<br />
3. ตั้งน้ำมันสำหรับทอด และลงมือทอดขายได้เลย<br />
4. น้ำจิ้มสามารถใช้น้ำจิ้มลูกชิ้นได้ค่ะ<br />
<br />
สูตรที่นำเสนอไปสามารถทำได้ ประมาณ 50 ลูกแต่ก็แล้วแต่ความหนักมือในการใส่ใส้ด้วย ส่วนแผ่นเกี๊ยว บางคน 1 แผ่นจะทำได้ 2 ลูก ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ฝีมือของคนห่อด้วย<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigXH5NlARDSHx3jtJDLvhQBCfY-71hQlWuRkN86iRYtSGyoEOfRw8R0rn5HyCPpdiTcFeu5WXtZO-ObDbB_FAiKsmDVcqAdaASeJLw-BhpTiO7Or7H4phWrA5soSI4OdNUurQaDcvP9jtc/s1600/images.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="ขายเกี๊ยวทอด" border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigXH5NlARDSHx3jtJDLvhQBCfY-71hQlWuRkN86iRYtSGyoEOfRw8R0rn5HyCPpdiTcFeu5WXtZO-ObDbB_FAiKsmDVcqAdaASeJLw-BhpTiO7Or7H4phWrA5soSI4OdNUurQaDcvP9jtc/s1600/images.jpg" title="ขายเกี๊ยวทอด" /></a></div>
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-66656156413114622802012-11-08T13:58:00.001+07:002012-11-08T13:58:21.303+07:00อาชีพขายส้มตำ<br />
ส้มตำเป็นอาหารที่คนไทยรู้จักกันดี เป็นอาหารพื้นบ้านชาวอีสาน และได้แพร่หลายไปทั่วประเทศ และเป็นอาหารขึ้นชื่อของประเทศไทย ชาวต่างชาติรู้จักกันดี แต่รสชาติก็ต้องมีการปรับให้เข้ากับลิ้นผู้กินอีกทีหนึ่ง <br />
ส้มตำนั้นมีความหลากหลาย มีหลายเมนูให้เลือกชิมกันนอกหนือจากส้มตำพื้นฐาน เช่น ตำปูปลาร้า ตำปู ตำไทย ตำโคราช เช่น ตำปูม้า ตำไข่เค็ม ตำแครอท ตำผลไม้รวม ตำกระท้อน เป็นต้น<br />
การจะทำส้มตำซึ่งใช้เส้นมะละกอเป็นหลักให้อร่อยนั้น ก็มีเคล็ดลับ คือ การทำเส้นมะละกอให้สด กรอบ เวลาตำส้มตำจะทำให้อร่อย ขายง่าย คนกินติดใจ<br />
<br />
<b>การทำเส้นมะละกอให้สดกรอบ</b><br />
<div style="text-align: justify;">
1. เตรียมน้ำสารส้มสำหรับแช่เส้นมะละกอ เพราะการใช้นำสารส้มจะทำให้เส้นมะละกอกรอบ โดยใช้กะละมังหรือภาชนะสำหรับแช่ 1 ใบ ใส่น้ำ ½ กะละมัง แล้วเอาสารส้มลงไปแกว่งจนกระทั่งน้ำเปรี้ยวนิดๆ เฝื่อนหน่อยๆ </div>
<div style="text-align: justify;">
2. เตรียมมะละกอซึ่งมะละกอนั้นใช้พันธุ์อะไรก็ได้ แต่ถ้าได้แขกดำจากดำเนินสะดวกก็จะดีมากค่ะ เมื่อปอกเปลือกแล้ว ก็ล้างยางออกให้หมด เริ่มขูดเส้นมะละกอ เริ่มจากด้านล่างก่อน ขูดให้เป็นเส้นยาวๆ 3-4 นิ้ว ใส่ลงไปในกะละมังน้ำสารส้ม แต่อย่าให้ท่วมน้ำสารส้ม เสร็จแล้วเอาน้ำแข็งโปะไว้ด้านบน แช่ไว้ประมาณ 30 นาที </div>
<br />
<div style="text-align: justify;">
แต่ถ้าเป็นเส้นแครอท จะแช่หรือไม่แช่ก็ได้ เพราะแครอทจะมีความกรอบในตัวเองมากกว่า มะละกอ แต่ถ้าจะแช่ก็ควรทำคนละกะละมัง ส่วนผลไม้นั้น เวลาหั่นเอาไว้แต่ไม่อยากให้ดำก็แช่ในน้ำเกลือ จะช่วยได้ค่ะ </div>
<br />
บางร้านที่ทำ<a href="http://idooidea.blogspot.com/2012/11/blog-post_8.html" target="_blank">อาชีพขายส้มตำ</a>เค้าจะมีเมนูส้มตำทอดไว้เป็นเมนูแนะนำ ซึ่งถ้าใครอยากทดลองทำบ้าง เราก็มีวิธีการทำเส้นมะละกอทอดมาให้ค่ะ<br />
<br />
<b>การทำเส้นมะละกอทอดกรอบ</b><br />
ส่วนผสม<br />
1. เส้นมะละกอ 1 กิโลกรัม<br />
2. แป้งทอดกรอบอเนกประสงค์ 3 ขีด<br />
3. น้ำเย็นพอประมาณ ถ้ายิ่งเย็นได้ยิ่งดี<br />
4. น้ำมันพืชสำหรับทอด<br />
<br />
<b>วิธีทำเส้นมะละกอทอดกรอบ</b><br />
1. เอาเส้นมะละกอ คลุกกับแป้ง ผสมกับน้ำเย็น คลุกจนรู้สึกว่ามันเข้ากันดี<br />
2. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง การทอดให้ทอดชิ้นเล็กๆ เป็นคำๆ เพื่อให้สะดวกกับคนกินค่ะ ทอดจนออกเหลือง ตักขึ้นผึ่งลมให้สะเด็ดน้ำมัน<br />
<br />
ส่วนสูตรส้มตำนั้นมีหลายสูตร ซึ่งสามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บส้มตำตาม<a href="http://papayathai.blogspot.com/" target="_blank"> link </a>นี้เลยค่ะ<br />
<div>
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-40265341668124916572012-11-03T20:14:00.001+07:002012-11-03T20:14:06.189+07:00อาชีพขายโจ๊ก<br />
<br />
<b>อาชีพขายโจ๊ก</b><br />
โจ๊กนั้นขายได้ทั้งแบบเข็นรถขาย หรือตั้งเป็นเคาน์เตอร์ โจ๊กเป็นอาหารอ่อนๆ ขายได้ทั้งเช้า และจนดึก ถ้าขยันๆ ก็ขายตั้งแต่เช้าจนดึก รับรองว่า ความรวยไม่หนีไปไหน แต่ที่สำคัญต้องอร่อยด้วย ขายโจ๊กนั้นได้กำไรครึ่งต่อครึ่งเลย เป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจไม่น้อย<br />
<br />
<b>โจ๊กหมู</b><br />
ส่วนผสม น้ำซุป โจ๊กหมู<br />
โครงไก่ 2 กิโลกรัม ซี่โครงหมู 6 กิโลกรัม<br />
เนื้อหมูบด แบบผสมมันหมู 5 กิโลกรัม<br />
(เนื้อหมูบด แบบผสมมันจะทำให้นุ่มและอร่อยยิ่งขึ้น)<br />
ตับหมู 1 กิโลกรัม<br />
ไส้หมู l กิโลกรัม<br />
กระเพาะหมู 1 กิโลกรัม<br />
แครอท 1/2 กิโลกรัม<br />
กะหล่ำปลี 4 หัว เห็ดหอมแห้ง 300 กรัม<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
- ให้นำโครงไก่ และซี่โครงหมู ลงต้มในน้ำซุป แล้วปรุงรสน้ำซุปด้วย<br />
ซีอิ๊วขาว ผงปรุงรส (คนอร์หมู) พริกไทยเกลือป่นเล็กน้อย และใส่ แครอท หั่นเป็นทอนๆ กะหลาปลี ผ่าครื่งลูก ส่วนเห็ดหอมย่างไฟให้หอมก่อน แล้วใส่ในหม้อต้มซุป<br />
- ต้มประมาณณ ชั่วโมงครึ่ง แล้วตักซี่โครงหมูขึ้นมาหั่นเป็นชิ้น ๆ<br />
-ส่วนแครอท ก็ให้ตักขึ้นมา แล้วนำไปบดให้ละเอียด เพื่อใส่ในโจ๊กเด็ก จะได้เพิ่มคุณค่าทางอาหารให้เด็กด้วย สำหรับเห็ดหอม ก็ให้ตักขึ้นมา แล้วหั่นเป็นชิ้นบางๆ เพื่อหยิบใส่ในโจ๊ก<br />
-ตับหมู ไส้หมู กระเพาะหมู นำมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำซาวข้าวก่อน แล้วค่อยนำไปต้มให้สุก เมื่อสุกแล้วก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เตรียมขายได้<br />
-ในส่วนหมูบด ก็ควรปรุงรสให้เรียบร้อยก่อนนำออกขาย<br />
<br />
<b> วิธีหุงข้าวโจ๊ก</b><br />
-นำปลายข้าวหอมมะลิ 10 กิโลกรัม ไปซาวน้ำ แล้ว<br />
รินน้ำออก (เอาถ้าส่วนนี้ไปล้างเครื่องในหมู)<br />
- นำปลายข้าวหอมมะลิใส่หม้อ แล้วแบ่งน้ำซุปอีกส่วนหนึ่งมาต้มข้าว เติมน้ำซุปลงไปต้มให้เดือด<br />
และตีให้เป็นโจ๊กพร้อมออกขาย<br />
<br />
<b>เครื่องปรุง<a href="http://idooidea.blogspot.com/2012/11/blog-post.html" target="_blank">โจ๊กหมู</a></b><br />
ไข่ไก่สด<br />
ขิงอ่อนซอย<br />
ต้นหอม<br />
ซีอ๊วขาว<br />
พริกไทย<br />
ซอสภูเขาทองฝาเหลือง<br />
<br />
ราคาขาย ชามละ 25 บาท ถ้าใส่ไข่ได้วย ก็เพิ่ม 5 บาท<br />
ถ้าอยากทำโจ๊กปู ก็ไม่ต้องใส่เครื่องในหมู แต่ใส่เนื้อปูแทน ขายชามละ 50 บาท<br />
หรือถ้าจะใส่กุ้งก็ราคา 50 บาท<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-11955510196906939782012-10-23T12:13:00.003+07:002012-10-23T12:13:48.694+07:00อาชีพขายข้าวไข่เจียว<br />
ขายข้าวไข่เจียว ทำง่าย กำไรดี<br />
ไข่เจียว เมนูอร่อยที่ทำง่าย ทานง่าย คุณคงจะเคยเห็นรถพ่วงมอเตอร์ไซค์ หรือร้านขายข้าวไข่เจียวอย่างเดียว แต่เมนูนั้นมีหลายหลากให้เลือกชิม เช่น ไข่เจียวปูอัด ไข่เจียวแฮม ไข่เจียวหมูสับ ลูกค้าก็อยากลองชิมเมนูแปลกๆ ทำให้ข้าวไข่เจียวนั้นขายได้ และกำไรก็ดีด้วย<br />
ต้นทุนขายข้าวไข่เจียว ธรรมดา<br />
1. ไข่ไก่ฟองละ 3 บาท ใช้ครั้งละ 2 ฟอง<br />
2. ค่าเครื่องปรุงและแก๊สหุงต้ม ปะมาณ 4 บาท<br />
3. ต้นทุนรวม 10 บาท<br />
ราคาขายต่อจาน 20 บาท<br />
กำไร จานละ 10 บาท เรียกได้ว่า 100% เลยทีเดียว และถ้าส่วนผสมเปลี่ยนไปต้นทุนจะเพิ่ม แต่ราคาขายก็จะเพิ่มขึ้น เป็นจานละ 25-30 บาท<br />
<br />
ข้าวไข่เจียวมีสูตรมากมาย วันนี้จะขอยกตัวอย่างบางสูตร<br />
<br />
<b>สูตรข้าวไข่เจียวสูตรที่ 1 ไข่เจียวกุ้งสด</b><br />
ส่วนผสม<br />
ไข่ไก่ 2 ฟอง<br />
เกลือป่น พริกไทย นมสด อย่างละนิดหน่อย<br />
ผงฟู ½ ช้อนชา<br />
กุ้ง 2 ตัว<br />
<br />
วิธีทำ<br />
1. ทำความสะอาดกุ้ง แยกหัวออกจากตัว แล้วแกะเปลือกกุ้งออก ผ่ากุ้งออกเป็น 2 ส่วน<br />
จะได้กุ้ง 4 ชิ้น ส่วนหัวกุ้งให้แกะเอามันกุ้งออกมา เพื่อจะได้นำไปผสมตีพร้อมไข่ไก่<br />
2. ตีไข่ได่รวมกับมันกุ้งและใส่พริกไทย นมสด ผงฟู ตีทั้งหมดให้เข้ากัน<br />
3. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน เมื่อร้อนได้ที่ก็เอาไข่ที่ตีไว้แล้วลงไป แล้วรีบวางชิ้นกุ้งที่เตรียมไว้ลงไปบนหน้าไข่ด้วย เมื่อสุกแล้ว ก็เสิร์ฟได้เลย<br />
<br />
<br />
<b>สูตรข้าวไข่เจียวสูตรที่ 2 ไข่เจียวชีส</b><br />
<br />
ส่วนผสม<br />
เห็ด นางฟ้า<br />
(หรือเห็ดอื่นๆ ) 100 กรัม<br />
เนยสดซนิดเค็ม 1/4 ถ้วยตวง<br />
หอมใหญ่สับ 1 ช้อนชา<br />
ชีทขูดเป็นเส้น 30 กรัม<br />
ไข่ไก่ 3 ฟอง<br />
นมสดหรือครีมสด 3 4 ซ้อนโต๊ะ<br />
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา<br />
พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชา<br />
<br />
วิธีทำ<br />
1. นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ<br />
2. พอกระทะร้อน นำเห็ดลงไปผัดกับหอมใหญ่สับ ปรุงรสด้วยเกลือป่นและพริกไทยป่น ตักขึ้นพักไว้<br />
3. นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยสดที่เหลือพอร้อน<br />
4. นำไข่ไก่ตีให้เข้ากันกับนดสดหรือครีมสด ใส่ลงในกระทะ คนให้ข้นแล้วกระจายไข่ให้ทั่วกระทะ<br />
5. ลดไฟอย่าให้ไข่ไหม้หรือเหลืองเกินไป ตักเห็ดที่ผัดแล้วโรยหน้าด้วยชีทขูด ตักใส่จานหรือกล่องข้าวแล้วเสิร์ฟ<br />
<br />
<b>สูตรข้าวไข่เจียวสูตรที่ 3 ยำไข่เจียวโหระพา</b><br />
ส่วนผสม<br />
1. ไข่ไก่ 2 ฟอง<br />
2. โหระพา ¼ ถ้วย<br />
ส่วนผสมน้ำยำ<br />
1.พริกขี้หนูโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ<br />
2. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ<br />
3. กระเทียมซอย 2 ช้อนโต๊ะ<br />
4. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ<br />
5. น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ<br />
6. ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน ¼ ถ้วยตวง<br />
นำส่วนผสมน้ำยามาคลุกเคล้าให้เข้ากัน<br />
<br />
วิธีทำ<br />
1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืช ใช้ไฟปานกลางพอร้อน นำใบโหระพาครึ่งหนึ่งลงทอดให้กรอบ ตักขึ้นพักไว้<br />
2. ตีไข่ไก่ให้ขึ้นฟู ใส่ใบโหระพาที่เหลือตีให้เข้ากัน นำลงทอดในกระทะน้ำมันร้อนๆ เจียวให้เหลืองกรอบ<br />
3. นำไข่เจียว ใบโหระพาและขึ้นฉ่ายมาหั่นใส่ชาม แล้วราดด้วยน้ำยำ เคล้าให้ทั่ว จัดใส่จาน โรยหน้าด้วยโหระพาทอดกรอบ<br />
<br />
ยังมีสูตรไข่เจียวอีกมากมาย สำหรับคนที่สนใจจะ<a href="http://idooidea.blogspot.com/2012/10/blog-post_23.html" target="_blank">ขายข้าวไข่เจียว</a>ได้ลองทำกันดู เพราะกำไรดี ทำง่าย ใช้เป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักเลยก็ได้<br />
<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-53828290397312138102012-10-16T08:13:00.001+07:002012-10-16T08:13:10.075+07:00อาชีพสร้างงานจากกะลามะพร้าว<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhH6tkb1-ZL178SPwLV84RK-XBIMGEaRNfej8TnFq6s9CnNOIuv5s3rQV-3etshkcHl5iYq87Z9yQHAnk1e_SQgby2J001PVT37ezhsuP-EIApu4hnFxFBfuJh7Yykzp5BuPl5fcfyKsrIm/s1600/CIMG9133-1.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="งานจากกะลามะพร้าว" border="0" height="109" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhH6tkb1-ZL178SPwLV84RK-XBIMGEaRNfej8TnFq6s9CnNOIuv5s3rQV-3etshkcHl5iYq87Z9yQHAnk1e_SQgby2J001PVT37ezhsuP-EIApu4hnFxFBfuJh7Yykzp5BuPl5fcfyKsrIm/s320/CIMG9133-1.jpg" title="งานจากกะลามะพร้าว" width="320" /></a></div>
<br />
มะพร้าวเป็นผลไม้ใกล้จน จนเราอาจคิดไม่ถึงว่า มันสามารถนำมาสร้างมูลค่าและเม็ดเงินให้กับผู้ผลิตที่มีไอเดียแจ่มๆ ไม่น้อย ถ้าใครสนใจลองศึกษาข้อมูลและลองทำดูได้ <br />
<br />
เงินทุนขั้นต้นต้น 4,000 (ราคาเครื่องขัดหินเจียร ประมาณ 3,000 บาท)<br />
ราคาขาย : แล้วแต่ชิ้นงาน<br />
กำไร : แล้วแต่ชิ้นงาน แต่ส่วนมากจะได้ประมาณ 50 %<br />
แหล่งขาย : ร้านขายของที่ระลึก งานแสดงสินค้าต่างๆ ตลาดเปิดท้าย<br />
กลุ่มลูกค้า : คนที่ต้องการของตกแต่งบ้าน หรือซื้อเป็นของขวัญ ของที่ระลึกให้ผู้อื่น<br />
<br />
<b>วัสดุอุปกรณ์สำหรับอาชีพสร้างผลิตภัณฑ์จากกะลามะพร้าว</b><br />
1. กะลามะพร้าว<br />
2. เครื่องขัดหินเจียร<br />
3. ตะไบหยาบ<br />
4. ตะไบละเอียด<br />
5. สว่านมือ<br />
6. ค้อน<br />
7. กระดาษทราย<br />
8. คันเลื่อยฉลุ<br />
9. ใบเลื่อยฉลุ<br />
10. ไขควง<br />
11. กาวลาเท็กซ์ หรือกาวตราช้าง<br />
12. แลคเกอร์<br />
13. พู่กันเบอร์ใหญ่<br />
14. เทียนไข<br />
15. ตะปู<br />
<br />
<b>ขั้นตอน</b><br />
1. นำกะลามะพร้าวแก่จัดที่แห้งแล้วมาขูดเอาเนื้อด้านในออกให้หมด<br />
2. ขัดผิวภายนอกกะลาด้วยเครื่องขัดหินเจียร ส่วนด้านในขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ 100 320 และ 1000 ตามลำดับ<br />
3. ร่างแบบ ลงบนผิวกะลาด้วยดินสอ หรือนำแบบลายที่เตรียมไว้ทากาวลาด้านหลัง แล้วปิดแบบลายลงบนผิวกะลาให้เรียบ ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้ง<br />
4. ใช้สว่านเจาะรูตามแบบลาย เจาะให้รอบแบบลาย เพื่อเป็นรูสำหรับสอดใบเลื่อยฉลุ<br />
5. ใช้เลื่อยฉลุตามแบบลาย โดยเริ่มจากด้านในก่อน แล้วฉลุขอบด้านนอก เพื่อความสะดวกในการจับชิ้นงาน ใช้เทียนไขลูบใบเลื่อยฉลุ เพื่อให้ลื่น และสะดวกในการฉลุ<br />
เมื่อเสร็จแล้วก็ลอกกระดาษแบบลายที่ติดไว้ออก<br />
6. ตกแต่งผิวและขอบนอกของกะลาด้วยตะไบหยาบ และตะไบละเอียด แล้วขัดด้วยกระดาษทรายขัดไม้ เบอร์ 4 และเบอร์ 0 จนผิวกะลาเรียบเนียนที่สุด<br />
7. กรณีที่ต้องมีการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน ให้ใช้กาวตราช้างติด แต่ถ้าต้องการให้ชิ้นงานแข็งแรงยิ่งขึ้น ก็ใช้ตะปูหรือหมุดตอก<br />
8. เคลือบเงาให้ชิ้นงาน โดยใช้พู่กันทาแลคเกอร์จนทั่ว แล้วทิ้งไว้ให้แห้ง ทาซ้ำใหม่ ทำซ้ำ ประมาณ 3 ครั้ง จะได้ชิ้นงานที่เงางาม<br />
<br />
<b>กะลามะพร้าวใช้ผลิตอะไรได้บ้าง</b><br />
เครื่องใช้ เช่น จาน ช้อน ถ้วย ช้อน ส้อม ทัพพี ตะหลิว กระบวย กล่องทิชชู เป็นต้น<br />
ประเภทของที่ระลึก และเครื่องประดับ เช่น หวีสับ เข็มขัด สร้อยข้อมือ กระดุม โคมไฟ กระปุกออมสิน เป็นต้น <br />
<br />
<b>ข้อเสนอแนะ</b><br />
1. การนำกะลามะพร้าวมาทำนั้น ต้องใช้กะลาที่แห้งจริงๆ เพราะความชื้นจากกะลาจะทำให้เกิดเชื้อราได้<br />
2. กะลามะพร้าว ควรเป็นมะพร้าวพันธุ์พื้นเมือง เพราะหาซื้อง่าย และกะลามะพร้าว ก็ยังมีความคงทนด้วย<br />
3. ควรพัฒนาปรับปรุงฝีมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าให้ชิ้นงาน<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-67449014390939497482012-10-15T08:25:00.000+07:002012-10-15T08:25:04.331+07:00 อาชีพขายขนมปั้นสิบไส้ปลา <br />
ปั้นสิบไส้ปลาเป็นการนำเนื้อปลามาประยุกต์ใช้เป็นไส้ขนม แล้วเอาแป้งมาปั้นให้เป็นขนม ทำเป็นอาหารว่าง และขายเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ก็ได้ค่ะ เนื่องจากใช้เงินทุนไม่สูงมาก อุปกรณ์ก็ใช้ในครัวเรือนได้<br />
<br />
เงินลงทุน<br />
เงินลงทุนเบื้องต้น 5,000 บาท<br />
รายได้ : ชุดละ 40 บาท<br />
กำไร : ประมาณ 30 % ของยอดขาย<br />
<br />
ขายที่ไหนดี?<br />
สามารถขายได้ในแหล่งชุมชน และแหล่งที่คนพลุกพล่าน เช่น หน้าโรงเรียน ตลาดสด เปิดท้ายขายของ เป็นต้น<br />
<br />
กลุ่มลูกค้า ?<br />
คนที่นิยมรับประทานขนม ทุกเพศทุกวัย<br />
<br />
อุปกรณ์<br />
1. ชาม<br />
2. ที่นวด<br />
3. กระทะ<br />
4. กระดาษซับน้ำมัน<br />
5. เคาน์เตอร์ คีออส หรือโต๊ะสำหรับวางขาย<br />
<br />
วัตถุดิบและเครื่องปรุง<br />
1. แป้งสาลีสำเร็จรูป 2 ถ้วยวง<br />
2. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง<br />
3. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ<br />
4. น้ำมัน 6 ช้อนโต๊ะ<br />
5. เกลือ 1/3 ช้อนโต๊ะ<br />
6. น้ำปูนใส 2 ½ โต๊ะ<br />
7. ไข่แดง 2 ฟอง<br />
<br />
เครื่องสำหรับทำไส้ปลา<br />
1. ถั่วลิสง 1 ถ้วยตวง<br />
2. หอมใหญ่ 5 หัว<br />
3. ปลาบด 1 ช้อนโต๊ะ<br />
4. น้ำตาลปี๊บ 5 ช้อนโต๊ะ<br />
5. หัวผักกาดหวานสับ 1 ช้อนโต๊ะ<br />
6. รากผักชี 1 ช้อนโต๊ะ<br />
7. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ<br />
8. พริกไทย 1 ช้อนโต๊ะ<br />
9. ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา<br />
10. ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนชา<br />
<br />
ขั้นตอนในการขนมปั้นสิบไส้ปลา<br />
1. ผัดไส้ปั้นสิบ โดยตั้งกระทะน้ำมัน พอน้ำมันเริ่มร้อน ใส่รากผักชีที่โขลกละเอียด ตามด้วยเนื้อปลาบด ผัดให้สุก อย่าให้เนื้อปลาติดกัน ใส่หัวผักกาดหวานสับ น้ำตาลปี๊บ ผัดจนน้ำตาลละลายเข้ากัน เติมซีอิ๊วขาวผัดต่อพอแห้ง แล้วใส่ซีอิ๊วดำ ใส่ถั่วลิสงผัดให้เข้ากันจนแห้ง ตักขึ้นใส่ถ้วยพักไว้<br />
2. ผสมแป้งสาลีกับแป้งข้าวเจ้า นวดให้เข้ากัน แล้วเติมน้ำปูนใส สลับกับน้ำมันพืช นวดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนแป้งไม่ติดมือ<br />
3. โรยแป้งสาลีลงบนที่รีดแป้งเล็กน้อย เพื่อเวลารีดแป้งจะได้ไม่ติด จากนั้นนำแป้งไปวางบนที่รีด แล้วรีดแป้งให้เป็นแผ่นบางๆ แล้วกดแป้งให้เป็นแผ่นกลมเล็กๆ<br />
4. ปั้นไส้ที่ผัดไว้ให้เป็นก้อนกลมเล็กๆ ใส่ลงไปที่แป้ง พับครึ่งอย่าให้ไส้ล้นออกมา กดริมให้ติดกัน จับริมให้สวยงาม นำไปทอดให้เหลือง ใส่ถุงให้สวยงาม<br />
<br />
ไขเคล็ดลับอาชีพขายปั้นสิบไส้ปลา<br />
1. ปรับปรุงสูตรไส้เพิ่มขึ้น เช่น ไส้ถั่ว ไส้เห็ด ไส้เผือก เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภค<br />
2. การนวดแป้งจะต้องพักไว้ให้แป้งอิ่มตัว และเวลาคลึงแป้งสำหรับห่อ ควรคลึงให้บางเสมอกัน เวลาทอดจะได้สุกทั่วกัน<br />
3. การทอดต้องใช้น้ำมันมาก ไฟปานกลาง และขณะทอดควรคนบ่อยๆ เพื่อทุกชิ้นสุกเท่ากัน<br />
4. ไส้ต้องผัดให้แห้ง แป้งจะได้กรอบ และเก็บไว้ได้นาน<br />
<br />
อาชีพขายปั้นสิบไส้ปลา เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ ใครอยากลองทำก็ศึกษาข้อมูลดูนะคะ<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-61888999785851161842012-10-13T15:07:00.001+07:002012-10-15T08:22:15.341+07:00อาชีพขายขนมปุยฝ้าย ขนมมงคล ลงทุนน้อย ขายง่าย<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7stsTQrTLwbLYi-xdM09DEMyUrJ3sH6s3Xm2-dVf8S45YeDM0-N9_vzKVITtVlcX06RCMdJlLHLmxvt-8184BjDG0J_laYVKBZNISbg1rH-1gwvHBA3tMHvFmp481EJ0cW1WmEz3wNaxy/s1600/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="ขนมปุยฝ้าย" border="0" height="218" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj7stsTQrTLwbLYi-xdM09DEMyUrJ3sH6s3Xm2-dVf8S45YeDM0-N9_vzKVITtVlcX06RCMdJlLHLmxvt-8184BjDG0J_laYVKBZNISbg1rH-1gwvHBA3tMHvFmp481EJ0cW1WmEz3wNaxy/s320/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2.jpg" title="ขนมปุยฝ้าย" width="320" /></a></div>
<br />
อาชีพการขายขนมมงคลหรือขนมปุยฝ้าย นั้นเป็นอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ทำง่าย และทำขายกันได้ในยามว่าง วิธีการทำไม่ยาก มาลองดูกันค่ะ<br />
<br />
<b>เงินลงทุน</b><br />
<b>การลงทุนเบื้องต้น</b> : 8,000 บาท<br />
<b>เงินทุนหมุนเวียน</b> ประมาณ 1,000 บาท<br />
<b>ราคาขาย</b> : ชิ้นละ 5 บาท<br />
<b>กำไรหลังหักต้นทุน</b> : ประมาณ 40 % ของยอดขาย<br />
<b>ช่องทางการจำหน่าย</b> : ฝากขายตามร้านทั่วไป หรือตั้งหน้าร้านเอง ตามตลาด แหล่งชุมชนต่างๆ<br />
<b>กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและโอกาสการขาย</b> : ผู้ชอบรับประทานขนม และช่วงเทศกาลต่างๆ<br />
<br />
<b>วัตถุดิบและอุปกรณ์</b><br />
1. ลังถึง<br />
2. กะละมัง<br />
3. ทัพพี<br />
4. ถ้วยตวง<br />
5. วัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำขนมปุยฝ้าย<br />
6. ภาชนะบรรจุขนม<br />
7. เครื่องตีแป้ง<br />
8. ตะกร้อมือ<br />
<br />
<b>ส่วนผสมทำขนมปุยฝ้าย</b><br />
แป้งสาลี 130 กรัม<br />
น้ำตาลทราย 85 กรัม<br />
น้ำสะอาด 120 กรัม<br />
เอสพี (S.P.) 1 ช้อนโต๊ะ<br />
ไข่ไก่ 1 ฟอง<br />
นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ<br />
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา<br />
ผงฟู 1 ½ ช้อนชา<br />
กลิ่นนมแมวหรือกลิ่นมะลิ 1 หยด<br />
สีผสมอาหารต่างๆ 1-2 หยด<br />
<br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. ร่อนแป้งกับผงฟูเข้าด้วยกัน พักไว้<br />
2. ผสมน้ำเปล่า 60 กรัม กับ S.P. ใส่อ่างตี ตีด้วยความเร็วสูงสุด จนกระทั่งขึ้นฟู<br />
3. ใส่น้ำตาลทีละน้อย จนหมด ตีต่อประมาณ 2 นาที<br />
4. ใส่ไข่ นมข้นหวาน น้ำมะนาว ตีต่ออีกประมาณ 3 นาที<br />
5. ใส่แป้งในข้อ 1. ลงไปครึ่งส่วน ตะล่อมเบาๆ ด้วยตะกร้อมือ ใส่น้ำที่เหลืออีก ¼ ถ้วย ตะล่อมให้เข้ากันอีกครั้ง<br />
6. ใส่แป้งส่วนที่เหลือ ลงไปทั้งหมด ตะล่อมให้เข้ากันดี หยดกลิ่นนมแมว หรือกลิ่นมะลิลงไปคนให้พอเข้ากัน ปิดฝาพักไว้ 15 นาที<br />
7. ตักแป้งแบ่งใส่สีตามชอบ แต่ต้องให้สีอ่อนๆ<br />
8. ตักใส่ถ้วยหรือพิมพ์กระดาษ ¾ ของพิมพ์ นำไปนึ่งในลังถึง ใช้ไฟกลาง ค่อนข้างแรง ประมาณ 10-15 นาที ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น<br />
9. ทิ้งไว้ให้เย็น บรรจุถุงขาย<br />
<br />
<b>ไขเคล็ดลับอาชีพการทำขนมปุยฝ้ายขาย</b><br />
*ถ้าขนมไม่ขึ้นฟู แสดงว่า อาจไม่ได้ร่อนแป้ง หรือแม้เพียงฝาลังถึงปิดไม่สนิท ก็ทำให้ขนมไม่ขึ้นได้<br />
* การผสมสีไม่ว่าสีธรรมชาติหรือสีผสมอาหารขอให้สีอ่อนที่สุด <br />
* S.P. มีขายตามร้านขายเบเกอรี่ทั่วไป คุณสมบัติของ S.P. คือ เป็นสารที่ช่วยให้ขนมขึ้นฟู<br />
* ช่วงแรกที่ทำ ควรทำในปริมาณน้อยก่อน และใช้มือนวดแป้งแทนการใช้เครื่องไปก่อน ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดลงไปได้มาก<br />
* ลักษณะของขนมปุยฝ้ายที่ดี จะต้องเบาฟูเหมือนดอกฝ้าย นุ่ม หน้าขนมจะต้องแตกเป็นแฉก ขนมต้องสดใหม่เสมอ<br />
<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-41642478793254089692012-10-09T10:12:00.000+07:002012-10-09T10:12:09.108+07:00อาชีพทำบาร์บีคิวขาย<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSZhtyuXVpfPnHHzxfgBig3zgxAI_GQJSO_bujmOdfETsP0fgoCoEOibaoeC-v-XQ9dpKJK6c2MIB4HUnJanxkbXYx7wEmFqKV6_KtrGLSQ8ZiyK_H_4bVSDGkJcyMmv_vb6n4U3s5ddgd/s1600/CIMG9200.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="อาชีพขายบาร์บีคิว" border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSZhtyuXVpfPnHHzxfgBig3zgxAI_GQJSO_bujmOdfETsP0fgoCoEOibaoeC-v-XQ9dpKJK6c2MIB4HUnJanxkbXYx7wEmFqKV6_KtrGLSQ8ZiyK_H_4bVSDGkJcyMmv_vb6n4U3s5ddgd/s320/CIMG9200.JPG" title="ย่างบาร์บีคิว" width="320" /></a></div>
<b><br /></b>
<b>อาชีพทำบาร์บีคิวขาย</b><br />
บาร์บีคิวเป็นอาหารประเภทย่างๆ ปิ้งๆ ที่คนชอบรับประทานอีกชนิดหนึ่ง และการทำบาร์บีคิวก็สามารถสร้างรายได้เสริมให้ได้อีกด้วย ดังนั้นหลายๆ คนจึงหันมาย่างบาร์บีคิว ก็ว่ายังมีอีกหลายแห่งที่บาร์บีคิวยังไปไม่ถึง หรือไม่ก็ยังไม่อร่อยพอ ดังนั้น จึงถือว่าเป็นโอกาสให้เราสร้างงานสร้างเงินเป็นอาชีพเสริมได้ค่ะ<br />
<b>เงินลงทุนเบื้องต้นในการขายบาร์บีคิว</b><br />
ประมาณ 5,000 บาท ซึ่งเป็นค่าเตาย่างประมาณ 1,000 บาท โต๊ะ ถาด ไม้เสียบ ถุงพลาสติกและใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนประมาณ 4,000 บาท เพื่อซื้อของสด วัตถุดิบต่างๆ มาใช้ในแต่ละวัน แต่ยังไม่รวมค่าเช่าที่สำหรับการขายนะคะ<br />
<b>ไปขายที่ไหนดี</b> ตลาดเช้า ตลาดเย็น ตลาดเปิดท้าย สวนสุขภาพที่คนมักไปออกกำลังกาย<br />
<b>ราคาขาย</b>ไม้ละ 5-10 บาท <br />
<br />
<b> เริ่มต้นทำบาร์บีคิว</b><br />
1. เตรียมวัตถุดิบและอุปกรณ์<br />
-เนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น ไก่ เนื้อ หมู 1 กิโลกรัม ล้างให้สะอาด แล้วหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ<br />
-หัวหอมใหญ่ ตักเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ<br />
-พริกหวาน หั่นสี่เหลี่ยมพอคำ<br />
-มะเขือเทศลูกเล็ก<br />
-สับปะรด ปอกเปลือก เฉือนตาออก หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอคำ<br />
-เครื่องปรุงสำหรับหมัก ได้แก่<br />
-พริกไทย 1 ช้อนชา<br />
-ซอสมะเขือเทศ 10 ช้อนโต๊ะ<br />
-ซอสแมกกี้ 2 ช้อนโต๊ะ<br />
-ผงปรุงรส 2 ช้อนโต๊ะ<br />
-น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ<br />
-ซอสเปรี้ยวหรือใช้จิ๊กโฉ่ 1 ช้อนโต๊ะ<br />
-ซีอิ๊วดำ 1/2 ช้อนโต๊ะ<br />
-เหล้า 1 ช้อนโต๊ะ<br />
-น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ<br />
-เกลือ 1 ช้อนชา<br />
-เนยสำหรับทาระหว่างย่าง<br />
<b><br /></b>
<b>วิธีทำ</b><br />
1. หมักเนื้อด้วย พริกไทย ซอส ผงปรุงรส น้ำตาล ทรายและเกลือ หมักทิ้งไว้ประมาณ 4 ชั่วโมงโดยแช่ในตู้เย็น<br />
2. นำเนื้อที่หมักแล้วมาเสียบไม้ โดยเริ่มจากเสียบผักลงไปก่อน คือ หอมหัวใหญ่ 1 ชิ้น เนื้อ 1 ชิ้น พริกหวาน 1 ชิ้น เนื้อ 1 ชิ้น สับปะรด 1 ชิ้น เนื้อ 1 ชิ้น แล้วก็เสียบมะเขือเทศปิดท้าย หรือถ้าใครอยากเสียบสลับก็ได้<br />
3. นำไปย่างด้วยไฟปานกลาง หมั่นพลิกบ่อยๆ และระหว่างย่างควรทาเนยและทาน้ำซอสสที่เหลือก้นชามไปด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติ จนบาร์บีคิวสุกเหลืองหอม <br />
4. การย่างผักต่างๆ ควรย่างให้เกรียมพอดี จะไม่ขม ขื่น หรือเหม็นเขียวค่ะ<br />
<br />
หมายเหตุ ควรทดลองทำก่อนออกขายจริง และสัดส่วนสามารถปรับเปลี่ยนได้ค่ะ<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-37444386534044073402012-10-07T23:42:00.000+07:002012-10-15T08:22:52.323+07:00ปลาไข่ชุบแป้งทอด<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigYMfw3LX3uLCy_dcEKAVnY1kA7PNGoRHAmAaXmZuRTZMM85HUY12q3tp_zalsJsqz-Q0EPVsEFmU37REmBZxESE2hygAS0QAVelM7vnv4fGpy3oyIFXgZPq3Q8lSFWBHs-OOCq0CF23D4/s1600/CIMG9089.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigYMfw3LX3uLCy_dcEKAVnY1kA7PNGoRHAmAaXmZuRTZMM85HUY12q3tp_zalsJsqz-Q0EPVsEFmU37REmBZxESE2hygAS0QAVelM7vnv4fGpy3oyIFXgZPq3Q8lSFWBHs-OOCq0CF23D4/s320/CIMG9089.JPG" width="320" /></a></div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
<br />
ปลาไข่ชุบแป้งทอดอาหารที่รับประทานง่าย ได้ประโยชน์จากปลาทั้งตัว ที่เราเห็นกันตามเปิดท้ายต่างๆ พระเอกของรายการนี้คงไม่พ้นปลาไข่ชุบแป้งทอด ซึ่งอร่อย กรุบกรอบ แถมน้ำจิ้มรสเด็ด สนนราคา 5 ตัวประมาณ 20-30 บาท (แล้วแต่ค่าเช่าที่ ถ้าเป็นตามเปิดท้ายของมหาวิทยาลัยก็ประมาณ 5 ตัว 20 บาท แต่ที่อื่นๆ 30 บาท) เราจะเห็นว่า ราคาไม่ถูกเลยนะคะ เพราะว่าปลาไข่ 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 130 บาท ได้ประมาณ 70 ตัว ซึ่งถ้าเราไปทอดขายอย่างต่ำ 5 ตัว 20 บาท จะมีรายได้ประมาณ 280 บาท หักค่าแป้งทอดกรอบ และเครื่องปรุงต่างๆ ก็จะได้กำไรเกินกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่ากำไรดีทีเดียว ใครสนใจจะขายปลาไข่ชุบแป้งทอดก็ตามมาเลยค่ะ<br />
<br />
<br />
ส่วนผสมและเครื่องปรุง<br />
1. ปลาไข่ (ควรเลือกเอง ที่ท้องอ้วนๆ ไข่จะได้เยอะ)<br />
2. ไข่ 2 ฟอง<br />
3. แป้งโกกิ 1 ขีด<br />
4. เกลือ ½ ช้อนชา<br />
5. เกล็ดขนมปัง<br />
6. น้ำมันพืชสำหรับทอด<br />
<br />
สูตรทำปลาไข่ชุบแป้งทอด<br />
1. ล้างปลาไข่ให้สะอาด พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ<br />
2. ตีไข่ แล้วนำแป้งลงผสม ใส่เกลือ อย่าให้เหลวมากไป เพราะจะชุบปลาไม่ติด<br />
3. เทเกล็ดขนมปังใส่จาน<br />
4. นำปลาคลุกแป้งที่ผสมไว้ แล้ว แล้วไปคลุกกับเกล็ดขนมปัง<br />
5. ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟแรง ซึ่งน้ำมันต้องท่วมปลา ปลาไข่จึงจะสุกกรอบเหลืองดี<br />
6. นำปลาไข่ลงทอด เมื่อสุก ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน<br />
7. ตักขาย 5 ตัว 20-30 บาท พร้อมน้ำจิ้ม ซึ่งถ้าตักใส่กล่องโฟม ต้องตัดให้เป็นช่อง 4 เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยมเพื่อให้ความร้อนระเหยออกไป ปลาไข่ชุบแป้งทอดจะได้ไม่เละด้วยนะคะ<br />
<br />
สูตรน้ำจิ้มสำหรับปลาไข่ชุบแป้ง<br />
ถ้าใครไม่อยากทำเอง ก็ใช้ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือน้ำจิ้มไก่ก็ได้ แต่ว่า ถ้าน้ำจิ้มเราอร่อย มีรสชาติไม่เหมือนใคร ลูกค้าก็จะติดใจ และเกิดการบอกต่อ<br />
ส่วนผสมและเครื่องปรุง<br />
1. น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม<br />
2. น้ำตาลทราย 100 กรัม<br />
3. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ<br />
4. น้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ<br />
5. มะขามเปียก 1 ปั้นใหญ่<br />
6. พริกสด 100 กรัม <br />
7. พริกแห้ง 50 กรัม <br />
8. กระเทียมแกะเปลือกแล้ว 100 กรัม<br />
9. น้ำต้มสุกเล็กน้อยเอาไว้เติมถ้าข้นเกินไป<br />
10. ผักชีสำหรับโรยหน้า<br />
(ส่วนผสมปรับเปลี่ยนได้ตามชอบค่ะ)<br />
<br />
วิธีทำ<br />
1.ปั่นหรือโขลกพริกสด พริกแห้ง กระเทียมพอแหลก<br />
2.ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำส้มสายชู เกลือ<br />
3.คั้นน้ำมะขามเปียกให้ได้ประมาณ 1 ถ้วย แล้วเอามาคนให้เข้ากัน<br />
4.ถ้าข้นเกินไป เติมน้ำต้มสุก ซึ่งรสชาติควรจะเผ็ดนำ เปรี้ยวและหวานเล็กน้อย โรยผักชีเพื่อเพิ่มความหอม<br />
หมายเหตุ ส่วนผสมและเครื่องปรุงสำหรับอาชีพขายปลาไข่ชุบแป้งนั้นสามารถเพิ่มหรือลดได้ค่ะ<br />
<br />
ขอบคุณภาพจาก http://www.อาชีพเสริมอิสระ.comkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-80284251021681250112012-09-19T12:40:00.002+07:002012-09-19T12:40:48.519+07:00เพาะถั่วงอก<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCVqzO70YwutPfaIqVwzaOesPBvfj6PeI2cUFZsVUnaPmphE5yxtYFnc7HWS6XpLgr97YEBV2zChbupL18YagTU1gSzBBQmO8fdlcRPiG-vmkSlqLWNQlT7NbIg0bz5w5n-AsbdkdtHhZ0/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%81.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiCVqzO70YwutPfaIqVwzaOesPBvfj6PeI2cUFZsVUnaPmphE5yxtYFnc7HWS6XpLgr97YEBV2zChbupL18YagTU1gSzBBQmO8fdlcRPiG-vmkSlqLWNQlT7NbIg0bz5w5n-AsbdkdtHhZ0/s1600/%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%96%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%81.jpg" /></a></div>
ถั่วงอกเป็นพืชผักที่มีโภชนาการสูงโดยเฉพาะโปรตีน เกลือแร่และวิตามิน และเป็นที่นิยมรับประทานสามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ที่รู้จักกันดี ก็เช่นใส่ในก๋วยเตี๋ยว กินเป็นผักแนมคู่กับขนมจีน ถ้าไม่ใช่ถั่วงอกก็เหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง ไม่อร่อยครบรสและที่สำคัญถั่วงอกเป็นพืชผักชนิดเดียวที่ใช้เวลาในการเพาะจนถึงเก็บเกี่ยวใช้เวลาสั้นที่สุด หมายความว่า อาชีพเพาะถั่วงอกนั้นทำเงินกลับมาได้เร็วมาก โดยใช้เวลาประมาณ 3-4 วันแล้วแต่ว่าเพาะในฤดูไหน ถ้าฤดูหนาวก็ใช้เวลานานนิดนึง<br />
ดังนั้นถ้าใครอยากเพาะถั่วงอกเป็นอาชีพเสริมอิสระหรือถ้ารายได้ดีมากจะทำเป็นอาชีพหลักก็ย่อมได้ค่ะ<br />
<br />
เงินลงทุนเพาะถั่วงอกขาย<br />
อาชีพเพาะถั่วงอกขาย ไม่ได้ใช้เงินทุนมากมายเลย เพียงแค่ 1,500 บาท ก็ทำได้แล้ว<br />
รายได้เพาะถั่วงอก ประมาณ 1,400 บาทต่อเมล็ดถั่วเขียว 15 กิโลกรัม<br />
<br />
วิธีการเพาะถั่วงอก<br />
เพาะในภาชนะได้หลายแบบ ก็ให้แต่ละท่านอ่านและพิจารณาดูว่า แบบไหนสะดวกกับการจัดการที่สุด<br />
<br />
1. เพาะในโอ่ง<br />
<br />
วัสดุอุปกรณ์<br />
โอ่งน้ำ 5 ใบ<br />
กระสอบข้าวสาร<br />
อ่างล้างถั่วงอก<br />
สายยาง<br />
เมล็ดถั่วเขียว<br />
<br />
ขั้นตอนการทำ<br />
1. นำโอ่งน้ำ หรือโอ่งลายมังกรขนาดกลาง 5 ใบ มาเจาะรูที่ก้นโอ่งขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. 5 รูต่อใบ เพื่อให้น้ำไหลออก หลังจากนั้นนำเมล็ดถั่วเขียวน้ำหนัก แช่ในน้ำสะอาด 1 วัน<br />
2. เมื่อแช่น้ำจนได้ที่แล้วให้ล้างเมล็ดถั่วเขียวให้สะอาด พร้อมกับช้อนเมล็ดถั่วที่ลอยน้ำทิ้งไป เพราะเป็นเมล็ดเสีย ใช้การไม่ได้ หลังจากนั้นนำเทลงในโอ่งๆละ 3 กก. ปิดทับด้วยกระสอบข้าวสาร ใช้ระยะเวลาในการเพาะ 3 วัน โดยแต่ละวันต้องรดน้ำวันละ 3 เวลา เช้า กลางวัน เย็น<br />
3. เมื่อครบ 3 วันจะได้ถั่วงอกมีความยาวประมาณ 3 ซม. น้ำหนักต่อโอ่ง 35-38 กก. ซึ่งรวม 5 โอ่งจะได้ถั่วงอกประมาณ 175 กก.<br />
<br />
<br />
<br />
2. การเพาะถั่วงอกในเข่งไม้ไผ่<br />
1. การเลือกเข่งไม้ไผ่ ควรใช้เข่งไม้ไผ่ผิวเรียบ ละเอียด สานเป็นเข่ง<br />
2. ล้างถั่วเขียวให้สะอาด ปูเรียงลงไปจนได้ความสูง 1/2 ของเข่ง แล้วปูกระสอบป่านคลุมผิวหน้าเข่ง หรือใช้ไม้ไผ่ขัดแตะที่ผิวหน้า หรืออาจจะใช้ก้อนกรวดเรียงทับผิวหน้าบนอีกชั้นหนึ่ง<br />
3. วางไว้ในที่ร่มและใช้น้ำสะอาด รดทุกๆ 2 ชั่วโมง<br />
4.ผ่านไป 3 วันเก็บขายหรือนำมาทานได้<br />
<br />
3.การเพาะถั่วงอกในปี๊บอะลูมิเนียม<br />
1. เจาะรูที่ก้นปี๊บ แล้ววางแคร่ไม้เล็กๆ รองไว้ที่ก้นปี๊บ เพื่อให้ระบายน้ำง่าย<br />
2. ปูผ้าพลาสติกกรีดเป็นริ้วๆ ลงบนแคร่ไม้ วัสดุที่ใช้เพาะถั่วงอกเป็นทรายหยาบ หรือขี้เถ้าแกลบที่สั่งเผาเฉพาะ (โดยที่ตัวแกลบยังอยู่ในสภาพที่เป็นรูปตัวแกลบอยู่)ปูทรายหยาบ หรือขี้เถ้าแกลบหนา 1.5 นิ้ว ทับผิวหน้าเมล็ดถั่วด้วยทรายหยาบ หรือขี้เถ้าแกลบ สลับกันระหว่างชั้นถั่วเขียว ประมาณ 5-6 ชั้น<br />
3. ความสูงของเมล็ดถั่วเขียวในปี๊บไม่เกิน 1/2 ของความสูงปี๊บ<br />
4. รดน้ำทุกวันๆ ละ 3 ครั้ง คือ เช้า เย็น และกลางดึก กะเวลาโดยประมาณ ได้ดังนี้ เช้า คือ ตั้งแต่แปดโมงเช้า ถึง สิบโมงเช้า บ่ายประมาณ สี่โมงเย็น และกลางคืน ประมาณ เที่ยงคืน<br />
5. ใช้เวลา 3 วัน ก็เก็บขายหรือบริโภคได้<br />
<br />
4.การเพาะถั่งงอกในตะกร้าพลาสติก<br />
1. ใช้ตะกร้าผลไม้ (แบบที่ใช้ในตลาดผลไม้ขายส่ง) เนื่องจากตะกร้าประเภทนี้จะมีรูระบายน้ำอยู่แล้ว จึงควรกรุด้วยกระสอบปุ๋ยก่อน<br />
2. นำเมล็ดถั่วเขียวที่แช่น้ำแล้ว 1 คืน มาเทใส่ตะกร้าแล้วคลุมด้วยผ้ากระสอบปุ๋ย<br />
3. รดน้ำด้วยสายยางทุกๆ 1-2 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน<br />
4. เก็บขายหรือบริโภคได้<br />
<br />
5.การเพาะถั่งอกในถังพลาสติก<br />
1. นำถังพลาสติกทึบแสงเจาะรูระบายน้ำที่ก้นถังตามแนวตะเข็บเพื่อระบายน้ำ<br />
2. เจาะรูด้านข้างถังเพื่อระบายอากาศ<br />
3. ล้างเมล็ดถั่วเขียวให้สะอาด<br />
4. แช่ถั่วเขียวเป็นเวลา 10 ชั่วโมงในน้ำอุ่นประมาณ 55 องศาเซลเซียส (ตอนเริ่มแช่ถั่ว) (น้ำร้อนต่อน้ำเย็น 1 : 1 )<br />
5. ถ่ายเมล็ดถั่วลงในถังเพาะโดยนำฟองน้ำมาปิดด้านบนถั่ว แล้ววางถังเพาะไว้ในที่มืด<br />
6. รดน้ำอย่างสม่ำเสมอทุกๆ ชั่วโมงครึ่ง โดยการรดให้รดผ่านฟองน้ำ<br />
7. ประมาณ 1 วัน ถั่วเขียวจะเริ่มงอกโดยมีรากสีขาวเล็กๆ ถ้าทำเพื่อการค้า อาจจะใส่สารถั่วอ้วน เพื่อให้ดูน่ากิน (สารถั่วอ้วน เป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ช่วยให้ถั่วงอกที่เพาะอ้วนและโตเร็ว ดูน่ารับประทานยิ่งขึ้น แต่อย่างไรมันก็คือสารเคมี ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรจะเลี่ยงนะคะ หรือถ้าเพาะทานกันในครอบครัวก็ไม่ต้องใช้ เพราะจะปลอดภัยกว่า) แต่ก่อนรดสารถั่วอ้วนควรงดให้น้ำก่อนและหลัง 2 ชั่วโมง เพื่อให้ผิวหน้าเมล็ดแห้ง หลังจากนั้นก็รดน้ำตามปกติ จนกระทั่งครบ 2 วัน ก็ให้รดสารถั่วอ้วนอีกครั้ง โดยอัตราการใช้สารใช้สารขึ้นอยู่กับปริมาณถั่วเขียวที่ใช้เพาะ เมื่อเพาะครบ 3 วัน (ประมาณ 65-72 ชั่วโมง นับตั้งแต่เริ่มแช่ถั่วในน้ำ) แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นกับอุณหภูมิในช่วงฤดูกาลที่เพาะ เช่น ฤดูร้อนอาจใช้เวลาเพียง 65 ชั่วโมง แต่ฤดูหนาวอุณหภูมิต่ำอาจใช้เวลานานถึง 72 ชั่วโมง ก็สามารถนำไปขายหรือบริโภคได้<br />
<br />
เคล็ดลับจับเงิน<br />
1. เมล็ดพันธุ์ควรเป็นเมล็ดถั่วเขียวผิวมัน หรือผิวดำ<br />
2. หากจะเพาะถั่วงอกในหน้าหนาว เวลาในการเพาะจะเพิ่มเป็น 4 วัน เพราะถั่วจะงอกช้ากว่าปกติ<br />
3. หากมีเงินทุนและเพาะถั่วงอกจำนวนมาก ควรซื้อเครื่องปั็มน้ำพร้อมสายยาง ถังเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มประมาณ 20,000 บาท<br />
4. วิธีรดน้ำควรจะมีตะแกรงรองรับแรงดันน้ำที่ไหลมาตามสายยาง เพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันน้ำเซาะถั่วงอกแตกกระจาย ซึ่งจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของถั่วงอก และทำให้ถั่วงอกมีลักษณะหงิกงอ เสียรูปทรง<br />
5. ถั่วงอกเมื่อเพาะเสร็จเรียบร้อยแล้วในถัง หรือภาชนะเพาะ จะมีลักษณะขาวสวย แต่เมื่อนำออกจากถังเพาะและถูกลมหรือแสงสว่างนานเกิน 3-4 ชั่วโมง ก็จะเกิดการสังเคราะห์แสง สีขาวจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และใบเลี้ยงจะเริ่มโผล่ออกมาทำให้ไม่น่ารับประทาน<br />
<br />
เห็นมั้ยคะว่า การเพาะถั่วงอกไม่ได้ยาก และได้เงินเร็วด้วย ใครสนใจก็ไปลองทำกันดูเลยค่ะ<br />
<br />
<br />
ขอบคุณ http://อาชีพเสริมอิสระ.com/<br />
<br />
<br />
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-53155739677825717142012-09-08T17:52:00.003+07:002012-10-15T08:23:20.734+07:00เปิดร้านกาแฟอเมซอน<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2GeRNyqQciBeSGWPjTm4c7lUPdScNzvVi8XH7KE3vn5LRG6zoLLRhvDKCGm7UbafRVTBkFB2GXWyAWqB2KZxBOhBbDpbvB9w4GBL8lR3gDR94skMD6KohjfHAt-5aSC-lZ1b_Dh2Ey6ak/s1600/CIMG7574.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2GeRNyqQciBeSGWPjTm4c7lUPdScNzvVi8XH7KE3vn5LRG6zoLLRhvDKCGm7UbafRVTBkFB2GXWyAWqB2KZxBOhBbDpbvB9w4GBL8lR3gDR94skMD6KohjfHAt-5aSC-lZ1b_Dh2Ey6ak/s320/CIMG7574.JPG" width="320" /></a></div>
<div data-mce-style="text-align: justify;" style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div data-mce-style="text-align: justify;" style="text-align: justify;">
กาแฟอเมซอนเป็นที่นิยมของนักเดินทาง เนื่องจากทำเลที่ตั้งมักอยู่ที่ปั๊ม ปตท. นักเดินทางจึงถือว่ามีความสะดวกสบายในการพักรถ ซื้อของ รวมทั้งพักคนด้วยการแวะดื่มกาแฟ เมื่อกาแฟอเมซอนขายดี จึงมีผู้ให้ความสนใจที่จะเปิดร้านกาแฟหรือซื้อแฟรนไชส์อเมซอนกันไม่น้อย
ดังนั้นเราจึงรวบรวมข้อมูลเพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาก่อนที่ตัดสินใจลงทุนในธุรกิจร้านกาแฟอเมซอน<br />
<br /></div>
<strong>ข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟอเมซอน</strong><br />
<strong>ลักษณะสินค้าและบริการในร้านกาแฟอเมซอน (ร้านกาแฟ Cafe Amazon)</strong><br />
มุ่งเน้นสินค้าและบริการที่มีคุณภาพเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 หมวดดังนี้<br />
1. เครื่องดื่ม<br />
2. ขนมเค้ก และเบเกอร์รี่<br />
3. สินค้าพรีเมี่ยม<br />
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;">การจะเปิดร้านกาแฟอเมซอนนั้นมี 2 ลักษณะคือ</span><br />
1. เป็นผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. อยู่แล้ว หรือ<br />
2. สนใจสมัครเป็น Franchisee<br />
ลองมาดูข้อมูลว่าตัวคุณสนใจและมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะร่วมธุรกิจกับ ปตท.หรือไม่<br />
<br />
<a name='more'></a><br />
<br />
<div data-mce-style="text-align: justify;" style="text-align: justify;">
<strong>1. ผู้สนใจที่จะเปิดร้านกาแฟในสถานีบริการน้ำมัน(ปั๊ม ปตท.)</strong> <strong>โดยเป็นผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน ปตท.</strong><br />
คุณสมบัติของผู้สนใจทำธุรกิจร้านกาแฟ Cafe Amazon ในสถานีบริการ<br />
1. เป็นผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน ปตท.<br />
2. เป็นนิติบุคคล โดยมีทุนจดทะเบียนขั้นต่ำ 1 ล้านบาท<br />
3. มีเงินทุนหมุนเวียนในบัญชีธนาคาร 100,000 – 200,000 บาท<br />
4. มีใจรักในงานบริการ และให้ความสำคัญกับลูกค้า<br />
5. มีทัศนคติที่ดี และพร้อมปฏิบัติตามนโยบายของบริษัท</div>
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;"><strong>รูปแบบร้านกาแฟอเมซอน</strong></span><br />
เพื่อความเป็นเอกภาพของแบรนด์ และง่ายต่อการจดจำของผู้บริโภค
รูปแบบร้านกาแฟ Cafe Amazon จึงมีเพียงรูปแบบเดียว
โดยแบ่งพื้นที่สำหรับให้บริการออกเป็น 2 ขนาดคือ<br />
- ขนาดห้องขาย 4 ม. X 4 ม. (ขนาดพื้นที่ 13 ม. X 12.5 ม.) พร้อมระเบียงด้านหน้า และด้านข้าง<br />
- ขนาดห้องขาย 5 ม. X 5 ม. (ขนาดพื้นที่ 14 ม. X 13.5 ม.) พร้อมระเบียงด้านหน้า และด้านข้าง<br />
ทั้งนี้ ในกรณีที่พื้นที่ในการก่อสร้างร้านไม่เพียงพอ
อาจจะมีระเบียงเพียงด้านใดด้านหนึ่ง
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่
ซึ่งนอกจากพื้นที่ในการก่อสร้างอาคารแล้ว
จะต้องมีพื้นที่เพื่อจัดทำสวนหย่อม เพื่อสร้างบรรยากาศให้มีความร่มรื่นด้วย<br />
<div data-mce-style="text-align: justify;" style="text-align: justify;">
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;"> <strong>หลักเกณฑ์การเปิดร้าน</strong></span><br />
1. ผู้สนใจทำธุรกิจร้านกาแฟ Cafe Amazon ต้องได้รับการอนุมัติจาก ปตท. ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างร้าน<br />
2. ตำแหน่งที่ตั้งของร้านต้องเป็นไปตามมาตรฐานการจัดวางผังของสถานีบริการ
และการก่อสร้างตกแต่งร้าน ต้องเป็นไปตามรูปแบบมาตรฐานที่ทาง ปตท. กำหนด<br />
3. ปตท. จะพิจารณาให้สิทธิ์การเปิดร้านกาแฟ Cafe Amazon
กับผู้แทนจำหน่ายสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เท่านั้น
และหากพบว่าหลังจากเปิดให้บริการแล้ว การดำเนินงานไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์
คุณภาพ และมาตรฐานที่กำหนด ปตท. จะพิจารณาขอคืนสิทธิ์จากผู้ดำเนินการ<br />
4. ก่อนเปิดร้าน ผู้รับสิทธิ์ที่อยู่ในแผนเปิด ต้องเข้าร่วมกิจกรรม Store
Tour ร้านกาแฟ Cafe Amazon เป็นเวลา 1 วัน เพื่อรับทราบข้อมูลในด้านต่างๆ
ของร้านอย่างถูกต้อง<br />
5. ผู้รับสิทธิ์ และผู้จัดการร้าน
ต้องเข้ารับการอบรม ทดสอบ และต้องผ่านหลักเกณฑ์ของ ปตท.
ล่วงหน้าก่อนเปิดร้านเป็นเวลา 1 เดือน โดยการอบรมประกอบด้วย การอบรมทฤษฏี 5
วัน การอบรมระบบ POS (Point of Sales) 3 วัน และการปฏิบัติงานจริงที่ร้าน
Cafe Amazon ของ ปตท. อีก 3 วัน<br />
6. ผู้รับสิทธิ์ต้องก่อสร้างร้าน และสวนหย่อม ให้แล้วเสร็จก่อนการเปิดร้านอย่างน้อย 15 วัน<br />
7. ผู้รับสิทธิ์ต้องชำระค่าป้ายโลโก้ เมนูบอร์ด เครื่องมือ อุปกรณ์ วัตถุดิบ ให้กับ ปตท. ก่อนการเปิดร้านอย่างน้อย 15 วัน<br />
8. การดำเนินงานต้องใช้วัตถุดิบ วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ จาก ปตท.
เช่น เมล็ดกาแฟ ชา ช็อกโกแลต เครื่องชง เครื่องบด แก้วกาแฟ ชุดพนักงาน
เป็นต้น รวมถึงการให้บริการ สูตร วิธีการชงเครื่องดื่ม
ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่ ปตท. กำหนดเท่านั้น
หากผู้รับสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด ปตท.
สามารถยกเลิกสิทธิ์การให้ดำเนินการร้าน Cafe Amazon ได้<br />
9. หากทาง ปตท.
มีการพัฒนารูปแบบการบริหารร้านกาแฟ Cafe Amazon ในลักษณะแฟรนไชส์
ผู้รับสิทธิ์ต้องให้ความร่วมมือกับบริษัท
และปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาแฟรนไชส์ดังกล่าวด้วย</div>
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;"><strong>งบประมาณในการลงทุน</strong></span><br />
ประมาณการในการลงทุนมีรายละเอียด ดังนี้<br />
1. งานโครงสร้างอาคาร และตกแต่งสวนหย่อม งบประมาณ 1,000,000 บาท<br />
2. ค่าอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องชง, เครื่องบด, เครื่องปั่น, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องปรับอากาศ, ตู้เย็น,<br />
ตู้เบเกอรี่ งบประมาณ 640,000 บาท<br />
3. เครื่องคอมพิวเตอร์คิดเงิน (POS) 100,000 บาท (ไม่รวม Software
และอุปกรณ์ต่อเชื่อมเครือข่ายอินเตอร์เน็ตที่ ปตท. ให้สิทธิ์ในการยืม)<br />
<strong>รวมงบประมาณในการลงทุนเปิดร้านกาแฟ Cafe Amazon <span data-mce-style="color: #ff0000;" style="color: red;">ประมาณ 1.74 ล้านบาท</span></strong><br />
4. ยกเว้นการเรียกเก็บค่าสิทธิ์แรกเข้า<br />
5. Royalty Fee 3% ของยอดขายต่อเดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)<br />
6. Marketing Fee 3% ของยอดขายต่อเดือน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)<br />
สำหรับค่าใช้จ่ายรายการที่ 4, 5 และ 6 ปัจจุบัน ปตท.
ยกเว้นให้กับผู้แทนจำหน่าย แต่หากมีการใช้ระบบแฟรนไชส์ ค่าใช้จ่ายดังกล่าว
จะมีผลบังคับใช้กับร้าน Cafe Amazon ทั่วประเทศ<br />
<strong><span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;">จุดคุ้มทุน</span></strong><br />
การเปิดร้านกาแฟ Cafe Amazon มีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี โดยคำนวณจากยอดขายเฉลี่ย 120 แก้ว ต่อวัน<br />
<strong>2. </strong><strong>สำหรับผู้สนใจจะเปิดร้านกาแฟอเมซอนนอกสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม ปตท.)</strong> <strong>(Franchisee)</strong><br />
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;">รูปแบบร้านกาแฟ Cafe Amazon – นอกสถานี</span><br />
1. รูปแบบ Original (Cafe Amazon) คือ
ร้านที่ตั้งอยู่ในพื้นที่นอกอาคาร มีเนื้อที่ประมาณ 40 ตารางเมตร ขึ้นไป
โดยเป็นร้านที่ตั้งอย่างอิสระ และมีเนื้อที่ในการจัดแต่งสวน ระเบียงนั่ง
ได้<br />
2. รูปแบบ Premium (The Amazon’s Embrace)
คือร้านที่ตั้งอยู่ในอาคาร เช่น สำนักงาน โรงพยาบาล สถานศึกษา เป็นต้น
มีเนื้อที่ประมาณ 40 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณพื้นที่เปิด
ซึ่งอาจจะมีที่นั่งหรือไม่มีที่นั่งก็ได้<br />
<strong>หลักเกณฑ์การเปิดร้าน</strong><br />
1. ผู้สนใจทำธุรกิจร้านกาแฟ Cafe Amazon ทั้ง 2 รูปแบบ
ต้องได้รับการอนุมัติจาก ปตท. ก่อนที่จะดำเนินการก่อสร้างร้าน โดย ปตท.
จะเข้าร่วมสำรวจและพิจารณาสถานที่ก่อนให้สิทธิ์<br />
2. ก่อนเปิดร้าน
ผู้รับสิทธิ์ ต้องเข้าร่วมกิจกรรม Store Tour ร้านกาแฟ Cafe Amazon
เป็นเวลา 1 วัน เพื่อรับทราบข้อมูลในด้านต่างๆ ของร้านอย่างถูกต้อง<br />
3.
ผู้รับสิทธิ์ และผู้จัดการร้าน ต้องเข้ารับการอบรม ทดสอบ
และต้องผ่านหลักเกณฑ์ของ ปตท. ล่วงหน้าก่อนเปิดร้านเป็นเวลา 1 เดือน
โดยการอบรมประกอบด้วย การอบรมทฤษฏี 5 วัน การอบรมระบบ POS (Point of Sales)
3 วัน และการปฏิบัติงานจริงที่ร้าน Cafe Amazon ของ ปตท. อีก 5 วัน<br />
4. ผู้รับสิทธิ์ต้องชำระค่าป้ายโลโก้ เมนูบอร์ด เครื่องมือ อุปกรณ์ วัตถุดิบ ให้กับ ปตท. ก่อนการเปิดร้านอย่างน้อย 15 วัน<br />
8. การดำเนินงานต้องใช้วัตถุดิบ วัสดุ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ จาก ปตท.
เช่น เมล็ดกาแฟ ช็อกโกแลต เครื่องชง เครื่องบด แก้วกาแฟ ชุดพนักงาน เป็นต้น
รวมถึงการให้บริการ สูตร วิธีการชงเครื่องดื่ม ต้องเป็นไปตามมาตรฐานที่
ปตท. กำหนดเท่านั้น หากผู้รับสิทธิ์ไม่ปฏิบัติตาม ปตท.
สามารถยกเลิกสิทธิ์การให้ดำเนินการร้าน Cafe Amazon ได้<br />
9. หากทาง ปตท.
มีการพัฒนารูปแบบการบริหารร้านกาแฟ Cafe Amazon ในลักษณะแฟรนไชส์
ผู้รับสิทธิ์ต้องให้ความร่วมมือกับบริษัท
และปฏิบัติตามเงื่อนไขแฟรนไชส์ดังกล่าวด้วย<br />
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;"><strong>คุณสมบัติของผู้สมัคร(Franchisee)</strong></span><br />
1. เป็นบุคคลที่สามารถจัดตั้งนิติบุคคล จดทะเบียนในประเทศไทยได้
และนิติบุคคลที่จัดตั้งจะต้องมีเงินทุนจดทะเบียนอย่างน้อย 1 ล้านบาทขึ้นไป<br />
2. ผู้สมัครเป็นผู้จัดหาพื้นที่เอง
โดยอาจเป็นพื้นที่เช่าหรือเป็นเจ้าของพื้นที่เองก็ได้
ทั้งนี้พื้นที่ในอาคารจะต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 40 ตารางเมตรขึ้นไป
และสำหรับพื้นที่นอกอาคารจะต้องมีพื้นที่รวมสวนหย่อมอย่างน้อย 130
ตารางเมตรขึ้นไป<br />
3. ผู้สมัครต้องมีความพร้อมด้านการลงทุน<br />
4. ผู้สมัครสามารถเข้ารับการอบรมเพื่อเป็นผู้บริหารร้านกาแฟได้<br />
5. ผู้สมัครสามารถปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และ มาตรฐานของบริษัทฯ อย่างเคร่งครัด<br />
6. ผู้สมัครมีความรักในงานบริการ อดทน และมีเวลาบริหารร้านกาแฟอย่างเต็มที่<br />
7. ผู้สมัครจะต้องมีความพร้อมเรื่องบุคคลากร เพื่อรองรับการบริหารงานร้านกาแฟ<br />
8. ผู้สมัครจะต้องวางเงินสดหรือแคชเชียร์เช็คค่าประกันแบรนด์ตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด ณ วันทำสัญญา<br />
9. ผู้สมัครจะต้องมีเงินทุนหมุนเวียนเพียงพอสำหรับดำเนินธุรกิจ เช่น
ค่าวัตถุดิบ ค่าจ้างพนักงาน เป็นต้น ประมาณ 100,000 – 200,000 บาท<br />
<strong>การลงทุนร้านกาแฟอเมซอน</strong><br />
สำหรับการลงทุนก่อสร้างร้าน ผู้สมัคร (Franchisee) จะต้องเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยมีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้<br />
1. งบประมาณการลงทุนเบื้องต้น ดังนี้<br />
1.1 รูปแบบ Shop ขนาดร้าน 40-100 ตรม.<br />
- ค่ากอสร้างร้านและตกแต่ง 800,000 - 1,600,000 บาท<br />
- ค่าออกแบบ (8% ของค่าก่อสร้างและตกแต่ง) 64,000 - 128,000 บาท<br />
- ค่าเฟอร์นิเจอร์อุปกรณ์และเครื่อง POS 879,000 บาท<br />
- ค่าประกันแบรนด์ 100,000 บาท<br />
- ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 40,000 บาท<br />
- ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน 80,000 บาท<br />
- ค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 150,000 บาท<br />
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;">รวม 2,113,000 - 2,977,000 บาท</span><br />
1.2 รูปแบบ Stand Alone ขนาดร้าน 130-160 ตรม.<br />
ค่ากอสร้างร้านและตกแต่ง 1,100,000 - 1,500,000 บาท (ไม่รวมค่าสวนหย่อม)<br />
ค่าออกแบบ (8% ของค่าก่อสร้างและตกแต่ง) 88,000 - 120,000 บาท<br />
ค่าเฟอร์นิเจอร์อุปกรณ์และเครื่อง POS 879,000 บาท<br />
ค่าประกันแบรนด์ 100,000 บาท<br />
ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 40,000 บาท<br />
ค่าดำเนินการก่อนเปิดร้าน 80,000 บาท<br />
ค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 150,000 บาท<br />
<span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;">รวม 2,437,000 - 2,869,000 บาท</span><br />
หมายเหตุ : ราคาดังกล่าวเป็นราคาประมาณการเบื้องต้น ซึ่งอาจปรับเปลี่ยนไปตามสภาวะตลาดได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า<br />
2. ค่า Royalty Fee 3% จากยอดรายรับรายเดือน<br />
3. ค่า Marketing Fee 3% จากยอดรายรับรายเดือน<br />
4. อายุสัญญา 6 ปี และผู้สมัครจะต้อง Renovate ร้านทุกๆ 3 ปี ตามที่บริษัทกำหนด<br />
<strong><span data-mce-style="color: #ff6600;" style="color: #ff6600;">ผลประโยชน์ที่แฟรนไชส์ซีจะได้รับ</span></strong><br />
<strong> 1. สิทธิในการใช้แบรนด์</strong><br />
สิทธิในการใช้ เครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายบริการ (Logo) Cafe Amazon
รวมไปถึงได้รับสิทธิในการให้บริการตามมาตรฐานของ Cafe Amazon
ตลอดระยะเวลาของอายุสัญญาแฟรนไชส์<br />
<strong>2. ระบบ POS</strong><br />
Cafe Amazon
ได้นำระบบปฏิบัติการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงระหว่างสาขาและสำนักงาน
ใหญ่ (Point of Sale : POS)
ทำให้ท่านสามารถบริหารธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ<br />
<strong>3. การฝึกอบรม</strong><br />
การฝึกอบรมพนักงานจะถูกจัดขึ้น เพื่อให้พนักงานมีความพร้อมในการปฏิบัติงาน
โดยการฝึกอบรมจะเน้นทั้งด้านการขาย การให้บริการลูกค้า
การใช้ระบบเครื่องบันทึกเงินสด (POS)
รวมถึงการฝึกอบรมการบริการและความรู้ในเรื่องการบริหารจัดการร้าน Cafe
Amazon<br />
นอกจากนั้นแล้ว ยังจัดให้มี On-site Training การฝึกปฏิบัติงาน ณ
สถานที่จริง เพื่อให้พนักงานเกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
ตลอดจนสามารถรับทราบถึงปัญหาหน้างานที่เกิดขึ้น
เพื่อนำข้อมูลที่เกิดขึ้นมาวิเคราะห์หาสาเหตุ
และหาแนวทางปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้พนักงานสามารถปฏิบัติงานได้อย่างถูกต้อง
และมีประสิทธิภาพ<br />
<strong>4. ความช่วยเหลือในช่วงเปิดร้าน</strong><br />
การให้ความช่วยเหลือในช่วงแรกที่เปิดกิจการ โดย Cafe Amazon
จะให้คำแนะนำช่วยเหลือตามความเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงาน
และแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น<br />
<strong>5. การจัดกิจกรรมทางการตลาด</strong><br />
Cafe Amazon จะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์
รวมทั้งจัดให้มีกิจกรรมการส่งเสริมการขาย
เพื่อเป็นการสร้างการจดจำให้กับผู้บริโภค (Brand Awareness)<br />
<strong>6. คู่มือการปฏิบัติงาน (Operation Manual)</strong><br />
คู่มือปฏิบัติการร้าน Cafe Amazon ที่บรรจุความรู้ในการดำเนินธุรกิจของ
Cafe Amazon
เพื่อให้ท่านสามารถนำความรู้ไปใช้ในการบริหารจัดการร้านให้ได้ตามมาตรฐานที่
กำหนด<br />
<strong>7. ผลิตภัณฑ์</strong><br />
ได้รับสิทธิในการใช้สูตรเครื่องดื่ม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Cafe Amazon
รวมทั้งมีสิทธิในการซื้อวัตถุดิบ และบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนสินค้าต่างๆ
ที่อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้า Cafe Amazon<br />
<strong>8. การให้คำปรึกษา</strong><br />
Cafe Amazon ได้จัดทีมงานคอยให้คำแนะนำปรึกษาในเรื่องต่างๆ<br />
<strong>9. การตรวจสอบ</strong><br />
Cafe Amazon
ได้จัดเจ้าหน้าที่เข้าช่วยตรวจสอบมาตรฐานและคอยให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อปรับ
ปรุงร้านให้มีการบริหารจัดการที่ถูกต้องตามมาตรฐานที่กำหนด<br />
การสมัครเข้าร่วมลงทุน/ขอรายละเอียดเพิ่มเติม<br />
>> ผู้สนใจสามารถ Download แบบฟอร์มใบแจ้งความจำนง
ขอเปิดร้านกาแฟ Cafe Amazon ได้ที่ www.cafe-amazon.com และยื่นแบบฟอร์ม<br />
พร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณาตามที่ระบุ ส่งมาที่ e-mail : franchiseamazon@pttplc.com หรือ<br />
>> ติดต่อเจ้าหน้าที่ Cafe Amazon โทร. 0-2537-2391 หรือ e-mail : franchiseamazon@pttplc.com<br />
หมายเหตุ: บริษัทจะคัดเลือกผู้สมัครเบื้องต้น เพื่อออกสำรวจทำเลที่ตั้ง
จากคุณสมบัติ และทำเลที่ตั้งที่ผู้สมัครได้กรอกในใบแบบฟอร์ม
หากผู้สมัครท่านใดผ่านหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทฯ กำหนด บริษัทฯ
จะติดต่อกลับเพื่อนัดหมายวันและเวลาในการสำรวจพื้นที่อีกครั้ง<br />
<div data-mce-style="text-align: center;" style="text-align: center;">
************</div>
ผู้สนใจหรืออยากทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเปิดร้านกาแฟอเมซอนดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามเว็บไซต์ด้านล่าง<br />
ที่มา http://www.cafe-amazon.com/th/opportunities/Default.aspx<br />
<br />
ขอบคุณข้อมูลจาก http://อาชีพเสริมอิสระ.com/แฟรนไชส์อเมซอนkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-37988032658308335062012-09-06T20:20:00.001+07:002012-09-06T20:20:16.592+07:00ขายปอเปี๊ยะสด สูตรอาแปะ <br />
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px; text-align: justify;">
ปอเปี๊ยะสดเป็นอาหารที่ทานง่าย อิ่มท้อง ได้คุณค่าทางอาหารครบถ้วน สามารถทานได้ทั้งเป็นอาหารว่างและอาหารหลัก ผู้ที่อยากควบคุมน้ำหนักก็ทานได้เพราะมีผักเยอะ <br style="line-height: 1.5;" />ปอเปี๊ยะสูตรนี้ คุณทวีศักดิ์ ถิรผดุงพงศ์ หรืออาแปะได้ให้ความกรุณาให้มาเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่อยากลองทำอาชีพเสริมดู หรือทำทานที่บ้านก็ได้ ถ้าคิดจะทำขายต้องมีใจรักในการทำอาหารและค้าขาย สามารถตั้งขายหน้าบ้าน ใช้รถเข็น หรือไปขายที่ตลาดก็ได้ ขายปอเปี๊ยะใช้เงินลงทุนประมาณ 2,000 บาท</div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px;">
<strong style="color: black; line-height: 1.5;">เครื่องปรุงและส่วนผสม (สำหรับ 100 จาน)</strong><br style="line-height: 1.5;" />1. หมูตั้ง 1 กก.<br style="line-height: 1.5;" />2. กุนเชียง 1 กก.<br style="line-height: 1.5;" />3. ไข่เจียว 25-30 ฟอง<br style="line-height: 1.5;" />4. เนื้อปู 1.5 กก.<br style="line-height: 1.5;" />5. แตงกวา 1.5 กก.<br style="line-height: 1.5;" />6. ต้นหอม ½ กก.<br style="line-height: 1.5;" />7. พริกชี้ฟ้า 1 กก.<br style="line-height: 1.5;" />8. ถั่วงอก 4 กก.<br style="line-height: 1.5;" />9. เต้าหู้ 25 ก้อน<br style="line-height: 1.5;" />10. แผ่นปอเปี๊ยะ กว้าง 6 นิ้ว <br style="line-height: 1.5;" />11. หมูสามชั้น 0.5 กก.<br style="line-height: 1.5;" />12. ซีอิ๊วดำ <br style="line-height: 1.5;" />13. น้ำตาลปี๊บ<br style="line-height: 1.5;" />14. โป๊ยกั๊ก อบเชย<br style="line-height: 1.5;" />15. น้ำส้มสายชูอย่างดี 1 ขวด</div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px;">
<strong style="color: black; line-height: 1.5;">สูตรน้ำราดปอเปี๊ยะรสเด็ด</strong><br style="line-height: 1.5;" /><em style="border: none; line-height: 1.5;">ส่วนผสม</em><br style="line-height: 1.5;" />1. แป้งหมี่ ½ กก.<br style="line-height: 1.5;" />2. น้ำ 5 กก.<br style="line-height: 1.5;" />3. น้ำตาลทราย 1.5 กก.<br style="line-height: 1.5;" />4. ลูกบ๊วย 20 เม็ด<br style="line-height: 1.5;" />5. ซีอิ๊วกะให้สีพอสวย<br style="line-height: 1.5;" />6. งาขาวคั่ว 1 ขีด<br style="line-height: 1.5;" />7. เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ</div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px; text-align: justify;">
<em style="border: none; line-height: 1.5;">วิธีทำ</em><br style="line-height: 1.5;" />1. บดลูกบ๊วยดองเลือกเอาแต่เนื้อ<br style="line-height: 1.5;" />2. เอาแป้งหมี่ทั้งหมดมาแช่น้ำ 5 กก. เอากระชอนมากรองพร้อมกับบดแป้งไปด้วย อย่าให้แป้งจับเป็นก้อน <br style="line-height: 1.5;" />3. เอาส่วนผสมทุกอย่างมาใส่ในกระทะ เปิดไฟแรงก่อนพอเริ่มเดือดก็หรี่เป็นไฟอ่อน เคี่ยวและคนให้เข้ากัน อย่าให้ติดกระทะ อย่าให้เป็นเม็ดแข็ง สังเกตว่าน้ำเริ่มเหนียว ก็ยกลงเทใส่ภาชนะทิ้งไว้<br style="line-height: 1.5;" />4. ใส่พริกป่นประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากัน รสชาติน้ำจิ้มที่ได้ จะมีสามรสคือ เปรี้ยว หวาน เผ็ด รสกลมกล่อม<br style="line-height: 1.5;" />5. น้ำจิ้มนี้ต้องทำแบบทิ้งไว้ 1 คืน คือทำวันนี้ แล้วค่อยขายวันรุ่งขึ้น เพื่อให้น้ำจิ้มข้น ซึ่งตอนเช้าก่อนจะขายก็ให้ลอกหน้าของน้ำจิ้มที่ทิ้งไว้ซึ่งจะเกาะกันเหนียวเป็นแผ่นทิ้งไป เพียงเท่านี้ก็จะได้น้ำจิ้มรสอร่อยพร้อมขายได้แล้ว<br style="line-height: 1.5;" /><strong style="color: black; line-height: 1.5;"></strong></div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px; text-align: justify;">
<strong style="color: black; line-height: 1.5;">วิธีทำพะโล้</strong><br style="line-height: 1.5;" />1. นำเต้าหู้มาหั่นเป็นชิ้นขนาด 2X6 ซม.แล้วนำมาทอด สุกเหลืองตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน<br style="line-height: 1.5;" />2.ตั้งน้ำพอประมาณ พอน้ำเดือดใส่ซีอิ๊วดำ น้ำตาลปี๊บ หมูสามชั้นหั่นเป็นชิ้นไม่ต้องเล็กมาก ตามด้วด้วยเต้าหู้ที่ทอดแล้ว เคี่ยวต่อไปพอให้น้ำพะโล้เข้าเนื้อเต้าหู้จนเหลือน้ำขลุกขลิก</div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px; text-align: justify;">
ต่อไปเป็นการเตรียมเครื่องเคราที่ใช้ในการทำปอเปี๊ยะสด<br style="line-height: 1.5;" />1. ลวกถั่วงอก แล้วทิ้งไว้ให้เย็น<br style="line-height: 1.5;" />2. หมูตั้งหั่นเป็นชิ้นยาวประมาณ 5 ซม. อาแปะบอกว่า ถ้าจะให้อร่อยตามสูตรที่ใช้ประจำ ให้ไปซื้อที่ตลาดเก่าเยาวราช หลังธนาคารไทยพาณิชย์สาขาเยาวราช <br style="line-height: 1.5;" />3. กุนเชียงนำไปทอดแล้วหั่นตามยาว <br style="line-height: 1.5;" />4. ทำไข่เจียวแบบบาง คือ นำไข่มาตีรวมกันทั้งไข่ขาวและแดง ตีให้ฟู ตั้งกระทะน้ำมันใช้น้ำมันพืชทากระทะให้ทั่ว เปิดไฟอ่อนๆ พอกระทะร้อน เทไข่ลงไปแล้วตะแคงกระทะ ให้ไข่เจียวกระจายเต็มกระทะเป็นรูปวงกลม และต้องให้บางที่สุด ซึ่งการทอดไข่นี้หากทำแรกๆ อาจจะหนาไป แต่พอชำนาญก็จะได้ไข่เจียวแบบบาง เมื่อทอดไข่เสร็จแล้วให้ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำมาหั่นฝอย<br style="line-height: 1.5;" />5. เนื้อปู ควรซื้อเนื้อกรรเชียงปู เพื่อให้ได้เนื้อปูเป็นเส้นสวย นำเนื้อปูมาฉีกให้เป็นเส้นเล็กลง<br style="line-height: 1.5;" />6. แตงกวา ล้าง ตัดหัวท้าย ผ่าซีกตามยาว <br style="line-height: 1.5;" />7. หั่นพริกสดเป็นแว่นใส่น้ำส้มสายชูไว้ให้ลูกค้าตักเติมตามใจชอบ<br style="line-height: 1.5;" />เมื่อเครื่องครบแล้ว ก็ถึงเวลาขาย</div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px; text-align: justify;">
<strong style="color: black; line-height: 1.5;">เริ่มขายได้เลย</strong><br style="line-height: 1.5;" />1. นำแผ่นปอเปี๊ยะมาวางแล้วใส่ถั่วงอกลงไปกะให้พอดีว่าม้วนได้ไม่เล็กหรือใหญ่มาก วางตรงกลางแผ่นปอเปี๊ยะ<br style="line-height: 1.5;" />2. วางเต้าหู้พะโล้ ใส่แตงกวา 2 ชิ้น หมูตั้งและกุนเชียงอย่างละชิ้น ใส่เนื้อปู โรยหน้าด้วยไข่หั่นฝอย<br style="line-height: 1.5;" />3. ม้วนแผ่นปอเปี๊ยะให้เป็นวงกลม พับปิดหัวปิดท้าย นำมาหั่นใส่จาน ราดหน้าด้วยน้ำจิ้ม แล้ววางต้นหอมไว้ริมจาน<br style="line-height: 1.5;" />4. ใน 1 จาน ใช้<span style="color: #743399;"><span style="line-height: 1.5;">ปอเปี๊ยะ</span></span> 2 แผ่น หากใส่เนื้อปูคิดจานละ 35 บาท หาไม่ใส่คิดจานละ 25 บาท <br style="line-height: 1.5;" />สูตรนี้ลูกค้าหลายคนติดใจ ตามมากินกับอาแปะ จนกระทั่งทำงานแล้วก็ยังกลับมากิน คิดดูว่าจะอร่อยแค่ไหน แต่ว่าต้องมีการฝึกทำก่อนที่จะออกไปขายจริงเพื่อให้รสมือคงที่</div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px;">
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก <span style="background-color: white; color: #666666; font-family: sans-serif; font-size: 12px; line-height: 16.78333282470703px;">http://xn--b3c4bjhb3bcsf6an2ach0o.com/</span><span id="editable-post-name" style="background-color: #fffbcc; color: #666666; font-family: sans-serif; font-size: 12px; line-height: 16.78333282470703px;" title="Temporary permalink. Click to edit this part.">ขายปอเปี๊ยะสด-สูตรอาแปะ</span><span style="background-color: white; color: #666666; font-family: sans-serif; font-size: 12px; line-height: 16.78333282470703px;">/</span></div>
<div style="color: #444444; font-family: Georgia, 'Bitstream Charter', serif; font-size: 16px; line-height: 1.5; margin-bottom: 24px;">
<br /></div>
kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-63967688030603933142012-08-08T13:45:00.002+07:002012-08-08T13:45:26.188+07:00อาชีพขายขนมครก<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhaRj5aS032AL9g6zBoQ-Lk1FLgMkwBqzoE43bJ8v4p53ziXMuluNqBsgR6txdsVW_2pCECZa8fTZ5vHYu0Rk_wN9jntbdoHCfnnfRFoy8AEaC_KzfZZSkRzkMD95QDYCIQxCi0z-4e2Qc/s1600/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="ขนมครก" border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhaRj5aS032AL9g6zBoQ-Lk1FLgMkwBqzoE43bJ8v4p53ziXMuluNqBsgR6txdsVW_2pCECZa8fTZ5vHYu0Rk_wN9jntbdoHCfnnfRFoy8AEaC_KzfZZSkRzkMD95QDYCIQxCi0z-4e2Qc/s320/%E0%B8%82%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%81.jpg" title="" width="320" /></a></div>
ขนมครกเป็นขนมไทยที่คุ้นหู คุ้นลิ้นและคุ้นตาคนไทยมานานแล้ว เนื่องจากรสชาติที่หอมมันของกะทิทำให้หลายคนติดใจและชื่นชอบ สมัยก่อนขนมครกนี้เป็นขนมที่ทำรับประทานกันในบ้าน แต่เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป การทำขนมรับประทานเองในบ้านเป็นอะไรที่รู้สึกว่ายุ่งยาก ซื้อง่ายกว่า อาชีพทำขนมขายต่างๆ จึงเกิดขึ้น และในครั้งนี้เราขอแนะนำอาชีพที่ต้นทุนไม่สูง อุปกรณ์ไม่เยอะ อาศัยความชำนาญนิดหน่อย ลูกค้าก็ติดใจ นั่นคือ ขายขนมครก เพราะฉะนั้น เรามาขายขนมครกเป็น<b>อาชีพเสริม</b>กันดีกว่า<br />
<br />
เ<b>งินลงทุน</b><br />
ประมาณ 4,000 บาท<br />
<br />
<b>อุปกรณ์ที่ใช้</b><br />
1. เตาขนมครก<br />
2. พิมพ์ขนมครกพร้อมฝาครอบ ถ้าจะให้ขนมหอม ก็ควรใช้พิมพ์ที่เป็นดินเผา แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ใช้แบบโลหะแทนก็ได้<br />
3. หม้อใส่แป้ง<br />
4. ถ่าน<br />
5. อุปกรณ์จิปาถะ เช่น กระทง ใบตอง หรือแผ่นโฟม<br />
6. ถ้าไม่มีหน้าร้านก็อาจจะซื้อรถเข็น ราคาประมาณ 4,000 บาท (ราคาอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)<br />
<br />
<b>วิธีทำขนมครกแบบมืออาชีพ</b><br />
ขนมครกนั้นจะมี2 ส่วนคือ ส่วนของตัวแป้งและส่วนของหน้ากะทิ หน้านั้นดัดแปลงได้ตามยุคสมัย เช่นสมัยก่อน ใส่แค่ต้นหอมก็ขายดิบขายดีแล้ว แต่สมัยนี้ต้องเพิ่มหน้าเผือก ฟักทอง ข้าวโพด ฯลฯ มาเป็นตัวเลือกให้ลูกค้าด้วย<br />
<br />
<b>ส่วนผสมของตัวแป้ง</b><br />
1. ข้าวสารเจ้า 1.5 กิโลกรัม<br />
2. มะพร้าวขูด 1 กิโลกรัม<br />
3. น้ำเดือด 6 ลิตร<br />
4. ข้าวสุก 1 ถ้วยตวง<br />
<br />
<b>การทำตัวแป้งขนมครก</b><br />
ผสมส่วนผสมเกือบทุกอย่างเข้าด้วยกัน ยกเว้นน้ำเดือด ซึ่งจะต้องค่อยๆ ใส่ แล้วคนไปเรื่อยๆ จนน้ำเดือดหมด ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วจึงนำไปโม่ให้ละเอียด เอาแต่น้ำ พักไว้<br />
ส่วนผสมหน้ากะทิ<br />
1. มะพร้าวขูด 1.5 กิโลกรัม<br />
2. น้ำตาลทราย 0.5 กิโลกรัม<br />
3. เกลือป่น 2 ช้อนโต๊ะ<br />
4. น้ำเปล่า 6 ถ้วย<br />
<br />
<b>วิธีทำหน้ากะทิ</b><br />
คั้นมะพร้าวให้ได้กะทิ 9 ถ้วย ใส่น้ำตาลเกลือ คนให้น้ำตาลละลาย กรองด้วยผ้าขาวบาง พักไว้<br />
<br />
<b>วิธีการหยอดขนมครก</b><br />
(ถาดพิมพ์ขนมครกนั้น ถ้าซื้อมาใหม่ๆ ก่อนใช้ครั้งแรกให้เช็ดด้วยไข่แดงก่อน แล้วจึงเช็ดด้วยน้ำมันพืช ส่วนครั้งต่อไป ให้ใช้น้ำมันพืชอย่างเดียว และเมื่อเลิกขาย ให้เช็ดพิมพ์ให้สะอาด และโบราณท่านว่าห้ามล้างโดยเด็ดขาดมิฉะนั้นขนมจะแคะยาก ติดพิมพ์)<br />
1. นำถาดพิมพ์ขนมครกตั้งไฟอ่อนๆ เช็ดให้สะอาดด้วยน้ำมันพืชเล็กน้อยให้ทั่วทุกหลุม<br />
2. พอถาดร้อนก็ตักตัวแป้งหยอดลงหลุม ประมาณ ¾ เพราะต้องเผื่อเนื้อที่ให้หน้ากะทิด้วย หยอดประมาณ 3-4 หลุมก็หยอดหน้ากะทิตาม ทำเช่นนี้จนหมด ถ้าจะหยอดหน้าต่างๆ เช่น ต้นหอม เผือก ข้าวโพดก็หยอดตอนนี้เลย แล้วปิดฝาไว้ประมาณ 6 นาที<br />
3. สังเกตขอบขนมครกเริ่มเป็นสีน้ำตาลก็ใช้ได้แล้ว<br />
<br />
<div style="text-align: justify;">
ราคาขายขนมครก ขายได้ตั้งแต่ 10 บาทขึ้นไป ประมาณ 8 คู่ หรือแล้วแต่หน้าขนม รายได้ของการขายขนมครกประมาณวันละ 500 บาท แล้วแต่ทำเล ถ้าได้หน้าตลาดหรือแหล่งชุมชนก็จะดีมาก และที่สำคัญต้องขายให้สม่ำเสมอ พัฒนาฝีมือขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฝีมือดีซะอย่าง ต่อให้อยู่ในซอกหลืบ คนซื้อก็ยินดีมุดเข้าไปซื้อจนได้ confirm!!!</div>
<br />
<div>
<br /></div>kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-19864560015169132292012-08-08T13:37:00.004+07:002012-08-08T13:43:26.909+07:00รวยด้วย ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEibxfRU8IPdoPfSBz3ZnpNR9vA7Nutr-4cW9ecXM-iQez0mRudEu0hfJFz5qC5ObVDRfkB6uacI3xlWyG6fvztnybRBZpSW8pjIoTD02pmQZ5ga1fEf_bd-4dpkhpsbsFMfaQAJMBYq_26b/s1600/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD2.JPG" imageanchor="1" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img alt="ข้าวเกรียบปากหม้อ" border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEibxfRU8IPdoPfSBz3ZnpNR9vA7Nutr-4cW9ecXM-iQez0mRudEu0hfJFz5qC5ObVDRfkB6uacI3xlWyG6fvztnybRBZpSW8pjIoTD02pmQZ5ga1fEf_bd-4dpkhpsbsFMfaQAJMBYq_26b/s320/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%AD2.JPG" title="" width="320" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">ข้าวเกรียบปากหม้อ</td></tr>
</tbody></table>
<br />
<div style="text-align: justify;">
<br /></div>
<div style="text-align: justify;">
ข้าวเกรียบปากหม้อ สาคูไส้หมู ฟังดูแล้วมันก็เป็นอาชีพธรรมดาที่พบเห็นกันได้ทั่วไป แต่ว่า ถ้าคุณมีฝีมือดี ขนมแป้งไม่หนาไม่บางเกินไป ไส้กลมกล่อม ราคาพอรับไหว ไม่แน่นะ กล้ามแขนคุณอาจจะโตขึ้นเพราะว่าต้องละเลงแป้งและปั้นแป้งตลอดเวลา เหมือนกับเจ้าขนมเจ้าหนึ่งแถวบ้านผู้เขียนที่เค้าจะปิดร้านก่อนร้านอื่น เพราะว่าของหมด แถมเวลาสั่งแล้วห้ามใจร้อน เพราะว่ามีอีกหลายคิวอีกต่างหาก ถือว่าคัดคนที่อยากกินจริงๆ หุหุ</div>
<div style="text-align: justify;">
ดังนั้น <i>อาชีพเสริมอิสระ</i>วันนี้ จึงได้นำสูตรการทำข้าวเกรียบปากหม้อและสาคูไส้หมูมาฝากกัน เพราะว่าขนม 2 อย่างนี้สามารถทำไปพร้อมๆ กันได้ </div>
<br />
<b>เงินลงทุน </b><br />
ประมาณ 3,000 บาท (เฉพาะอุปกรณ์ คือ หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียขนาดกลาง เตาถ่าน ไม้พายเล็กๆ ถาด ถุงพลาสติก (ร้อน) กล่องโฟม ไม้จิ้ม)<br />
<br />
<b>ข้าวเกรียบปากหม้อ</b><br />
มีสองส่วนคือ ตัวแป้งและไส้แป้ง<br />
<br />
<b>ตัวแป้ง</b> ส่วนผสมคือ<br />
1. แป้งมันสำปะหลัง 1 กิโลกรัม<br />
2. แป้งข้าวเจ้า 1 กิโลกรัม<br />
3. น้ำ 4 กิโลกรัม<br />
<br />
วิ<b>ธีทำ</b><br />
นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลัง และน้ำมาผสมกัน<br />
<br />
<b>ไส้แป้ง</b> ส่วนผสมคือ<br />
1. หัวผักกาดหวาน 1 กิโลกรัม<br />
2. น้ำตาลปี๊บ 1 กิโลกรัม<br />
3. ถั่วลิสง 0.5 กิโลกรัม<br />
4. หอมแดงหั่นละเอียด 1 กิโลกรัม<br />
5. รากผักชีโขลกละเอียด 10 ราก<br />
6. น้ำมันพืช 0.5 กิโลกรัม<br />
7. เกลือ 0.5 ช้อนชา<br />
<br />
<b>วิธีทำไส้แป้ง</b><br />
1. ล้างหัวผักกาดหวานให้สะอาดแล้วสับให้ละเอียด<br />
2. คั่วถั่วลิสงเอาเปลือกออก แล้วตำไม่ต้องละเอียดนัก<br />
3. ใส่น้ำมันลงกระทะ นำหอมแดงและรากผักชีมาผัดให้เหลือง<br />
4. ใส่หัวผักกาดหวานสับ น้ำตาลปี๊บ เคี่ยวประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วใส่เกลือเล็กน้อย คลุกให้ทั่ว<br />
5. นำถั่วลิสงที่ตำมาคลุกับไส้ที่ผัดไว้ให้ทั่ว จะได้ไส้ที่มีความเหนียวพอดีๆ ตักใส่ชาม พักไว้<br />
<br />
ลงมือขายกันเถอะ!!!<br />
<b>ข้าวเกรียบปากหม้อ</b><br />
<b>วิธีทำ</b><br />
1. เอาน้ำใส่หม้อดินหรือหม้ออะลูมิเนียมประมาณ 3/4 หม้อ แล้วใช้ผ้าขาวบางขึงปากหม้อให้ตึง มัดด้วยเชือกรอบคอหม้อให้แน่นหนา แต่ต้องเหลือปากหม้อไว้เล็กน้อยเพื่อให้ไอน้ำออกได้<br />
แล้วยกหม้อขึ้นตั้งไฟ ผิดฝา พอน้ำเดือดจึงเปิดฝาออก ตักแป้ง 1 ช้อน ต่อ 1 วง ละเลงเป็นวงกลมบนผ้า ให้ทั่ว แล้วปิดฝา<br />
2.เมื่อแป้งสุก เปิดฝาออกตักไส้หยอด อย่าให้มากเกินไปจนไม่เช่นนั้นเวลาพับแป้งจะไม่สวย ไส้ทะลักออกมา<br />
3. ใช้ไม้พายเล็กๆ ชุบน้ำ แซะแผ่นแป้งจากด้านล่าง พับเป็นสี่เหลี่ยมห่อไส้ให้สวยงาม ตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียวเพื่อไม่ให้ขนมติดกัน<br />
4. เวลาตักขายก็ใส่กล่องโฟมที่รองด้วยใบตอง แล้วแถมเครื่องเคียง คือ ผักกาดหอม ผักชี พริกสด กระเทียมเจียว และที่สูตรเด็ดคือ หัวกะทิข้นๆ สัก5 ช้อนโต๊ะใส่ถุงเล็กๆ มัดปิดปากไปให้ด้วย เพราะผู้เขียนเคยชิมทั้งชนิดที่มีกะทิให้และไม่มีกะทิให้ รสชาติขนมที่มีกะทิราดจะครบรสจริงๆ ทั้งหวานเค็มมันเผ็ด อร่อยสุดๆ<br />
<br />
และยังมีขนมที่อีกแบบที่ทำคู่กันไปได้ แบบแบ่งพื้นที่ครึ่งๆ ของผ้าขาวบ้าง นั่นคือ สาคูไส้หมู (ชื่อบอกว่าไส้หมู แต่สังเกตเวลาเค้าขาย ก็ไม่ได้แยกไส้กันนะคะ ก็ใช้ใส่แบบเดียวกันกับข้าวเกรียบปากหม้อ สงสัยเป็นไส้หมูเจล่ะมั้ง)<br />
เรามาดูส่วนผสมและขั้นตอนการทำกัน<br />
<b>ส่วนผสมของสาคูไส้หมู</b><br />
1. สาคูเม็ดเล็ก 1 ถ้วยตวง<br />
2. น้ำร้อน 1/2 ถ้วยตวง<br />
<br />
<b>ขั้นตอนการทำ</b><br />
1. นำสาคูมานวดกับน้ำร้อนจนแป้งสุกกึ่งๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆ ได้ กดให้แบน แล้วนำไส้ใส่ตรงกลาง ดึงแป้งสาคูปิดให้มิดชิด ปั้นเป็นก้อนกลม เรียงบนปากหม้อ ปิดฝา พอสุกตักใส่ถาด พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว พร้อมตักขาย<br />
2. เวลาขายก็ตักใส่กล่องโฟมที่รองด้วยใบตอง แล้วแถมเครื่องเคียง คือ ผักกาดหอม ผักชี พริกสด กระเทียมเจียวโรยหน้า<br />
<br />
ถ้าบางคนคิดว่า พื้นที่ผ้าขาวบางมันไม่พอที่จะทำขนมทั้งสองอย่าง ก็สามารถแยกสาคูมานึ่งต่างหากในลังถึงได้ แต่ต้องรองด้วยใบตองที่เช็ดให้สะอาดเสียก่อน ปริมาณขนมที่ได้ก็จะเยอะขึ้น ทันกับลูกค้าที่มารอต่อคิว<br />
<br />
ราคาขาย 25-30 บาทต่อชุด<br />
<br />
แต่อย่างไรก็ตามคนที่คิดจะค้าขายต้องมีความอดทน ขยัน พากเพียร ดังสุภาษิตคนค้าขายที่ผู้เขียนขอฝากไว้ "<b>อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา</b>"kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-91728035170993930462012-03-17T11:51:00.001+07:002012-03-17T11:53:40.922+07:00แพนเค้กการ์ตูนแพนเค้กการ์ตูน เป็นขนมสำหรับเด็กๆ จะว่าไปแล้ว ใครๆก็ชอบกินกัน ไม่ว่าเพศไหนวัยใด เพราะความหอม นุ่ม อร่อย ใครจะปฏิเสธลงล่ะ เพราะแค่เข้าใกล้เตาทอดแพนเค้กก็ส่งกลิ่นหอมฉุย ยั้วน้ำลายแล้ว ถ้าเราเคยไปเดินแถวเปิด ท้าย ตลาดนัด หรือถนนคนเดิน คงเคยสังเกตเห็นคนต่อแถวซื้อแพนเค้กการ์ตูนกัน ซึ่งเรื่องปกติ แค่ยืนดูเฉยๆก็เพลินแล้ว เห็นคนขายแพนเค้ก วาดรูปการ์ตูน ต่างๆลงบนเตาทอด แล้วโรยแป้งแพนเค้กลงไป รอให้แป้งฟูสุก แล้วกลับด้าน เอาไม้เสียบ เอากระดาษห่อให้เรา กัดกินร้อนๆหอมมันอร่อย<br /><br />แพนเค้กการ์ตูน เป็นขนมที่ทำง่าย ขายง่ายราคาถูก เราจะเห็นว่าบางคน ซื้อทีล่ะหลายๆไม้เอาไปฝากลูก-หลาน ที่บ้าน เด็กๆที่เดินผ่านจะต้องร้องให้พ่อแม่ซื้อให้กินแทบทุกคน แพนเค้กการ์ตูนจึงน่าสนใจ เป็นขนมที่ใช้ต้นทุนต่ำขายได้กำไรดี<br /><br />หลายคนที่กำลังสนใจ อยากจะทดลองทำขาย หาได้ได้ให้ตัวเอง วันนี้มีสูตรและวิธีการทำแพนเค้กการ์ตูนมาฝากให้ไปทดลองทำเองที่บ้าน<br /><br /><span style="color:#ff0000;"><strong>สูตรและวิธีการทำแพนเค้กการ์ตูน</strong><br /><br /></span><span style="color:#ff0000;"></span><span style="color:#ff0000;">ส่วนวัตถุดิบในการทำแพนเค้กการ์ตูน</span><br />1. แป้งสาลีตราว่าว 1.5 ถ้วย ร่อนผ่านตระแกรงให้ดี<br />2. ผงฟู 2 ช้อนชา ร่อนผ่านตระแกรง<br />3. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ<br />4.เกลือ ครึ่ง ช้อนชา<br />5.ไข่ไก่ 2 ฟอง<br />6.เนยสด 1/4 ถ้วย ตั้งไฟให้ละลาย<br />7.นมสด ½ ถ้วย<br />5.ผงฟูนิดหน่อย<br /><br /><br /><br /><span style="color:#ff0000;">อุปกรณ์ในการทำแพนเค้กการ์ตูน</span><br />1. กระทะสำหรับทอดแพนเค้ก<br />2. เตาแก๊สพร้อมหัวแก๊สส<br />3. เครื่องตีแป้ง หรือช่วงแรกใช้มือก่อนก็ได้<br />4. ถังสำหรับผสมแป้ง,<br />5. กะละมัง, เหยือก, กรวย<br />6. กระบอกพลาสติกสำหรับใส่แป้งเแพนเค้กการ์ตูน<br />7.เกรียง<br />8.ไม้เสียบ,<br />9.กระดาษห่อ<br />10.ถุงพลาสติก<br /><br /><span style="color:#ff0000;">ขั้นตอนการทำแพนเค้กการ์ตูน </span><br />1.นำแป้งสาลีมาใส่ลงไปในกะละมัง ผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น ลงในแป้งกับผงฟูที่ร่อนไว้คนให้เข้ากัน<br />หลังจากนั้นก็คลุกให้แป้งและน้ำตาลทรายเข้ากัน พักไว้ก่อน<br />2. ผสม ไข่ไก่ นมสด คนให้เข้ากัน จากนั้นเทลงในอ่างแป้ง คนด้วยตะกร้อมือ จนส่วนผสมเข้ากันดี จึงใส่เนยละลายคนด้วยตะกร้อมืออีกครั้งให้ส่วนผสมเข้ากันดี ใช้เวลาในการตีประมาณ 10-15 นาที ตีแป้งจนเข้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งพักทิ้งไว้ ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะนำไปทอด<br />3. ติดไฟกะทะทอดแพนเค้ก ใช้ไฟกลาง รอให้กระทะร้อน ทาด้วยเนย พอร้อนกะทะทอดแพนเค้กร้อนได้ที่ ค่อยๆเทแป้งเพื่อวาดเป็นรูปการ์ตูนต่างๆ เช่น โดเรม่อน เกโร๊ะ หัวใจ อุลตราแมน ผีเสื้อ กบ ฯลฯ ทอดพอเหลืองกลับด้าน ทอดให้เหลืองสวย นำไม้เสียบ<br /><br /><iframe height="315" src="http://www.youtube.com/embed/xM_RkhFP2ss" frameborder="0" width="420"></iframe><br /><br /><br />** สิ่งที่ต้องทำคือ หมั่นฝึกฝน วาดรูปการ์ตูนให้สวย และมีมากมายหลายๆแบบให้ลูกค้าเลือก ตอนที่เราตีแป้งนั้น ถ้าอยากจะแต่งรสชาติ-กลิ่นให้แพนเค้กเป็นรสอะไร ก็สามารถใส่รสชาติต่าง ๆ ลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็น สตรอเบอร์รี่, ใบเตย ช็อกโกแล็ต,วนิลา, โกโก้ ฯลฯkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-84665723563664379142011-10-15T07:47:00.000+07:002011-10-15T07:48:00.929+07:00แฉ ธุรกิจยอดฮิต หารายได้พิเศษทางอินเตอร์เน็ต งาน part timeเราคงเคยได้ยินคำเหล่านี้ หารายได้พิเศษ หารายได้เสริม หางานพิเศษ หารายได้ระหว่างเรียน หารายได้ทางอินเตอร์เน็ต .....และหลายๆคำอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นคำล่อลวง ชวนเชื่อให้เราหลงเข้าไปติดบ่วง ของเหล่านักต้มตุ๋นใส่เสื้อสูททั้งหลาย บางที งานพิเศษที่เขานำมาโฆษณา ว่าหาเงินง่าย รวยเร็ว บางทีบอกว่าเด็กอายุ 17 หาเงินได้เดือนล่ะเป็นแสน เหล่านี้ล้วนเป็นเหยื่อล่อให้คนที่ หวังรวยทางลัด สนใจ และเข้าไปติดกับดักทั้งนั้น <br />วันนี้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับ เรื่องลอกลวง เหล่านี้มาฝากกัน จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ และระวังตัวกันเอาไว้ ลักษณะของโฆษณาเหล่านี้ได้แก่ <br />**********<br />ส่งเมลล์รายได้ 10,000-50,000 บาทต่อเดือน อายุ 17ปีขึ้นไป (ไม่จำกัดวุฒิ)<br /><br />ใช้ Internet และ คอมพิวเตอร์พื้นฐานได้<br /><br /> แบบฟอร์มสมัครงาน คลิก!!!!! <br />-------------------------------- <br />หรือ ทำงาน part time วันล่ะ 2-3 ชั่วโมง/วัน รายได้ 500-1,000 บาท พอเราส่งข้อมูลไปก็จะนัดให้ไปพบต่างสถานที่ต่างๆ เช่น โรงแรม รีสอร์ท ห้องประชุม เพื่อให้ไปฟังรายละเอียดของงาน คราวนี้ล่ะคุณเสร็จแน่ๆ <br />บรรยากาศก็จะเป็นแบบ ห้องประชุมหรือสัมมนา ที่มีคงฟังจำนวนมาก ส่วนใหญ่ล้วนถูกหลอกมาทั้งนั้น และต้องจ่ายเงินค่าเข้าฟังโอกาสทางธุรกิจเป็นจำนวนหลักร้อย<br />ซักพักก็จะมีคนที่แต่งตัวน่าเชื่อถือ ขึ้นมาบอกว่า เริ่มงานกับ...... มากี่ปี สิ้นเดือนที่แล้ว จ่ายให้ เป็นจำนวนเงินเท่านั้น เท่านี้ (ส่วนใหญ่หลายหลัก) หรือ เป็นงานง่ายๆดูสิ แม้แต่คน หูหนวก ตาบอด ไม่มีแขนไม่มีขา ยังทำได้ และฟังดูเหมือนได้มาง่ายๆ พูดจบก็จะมีเสียงกรี๊ด จากเหล่าหน้าม้า และเสียงปรบมือประกอบอย่างคึกคัก ทำให้บรรยากาศ น่าฟัง นอกจากนี้ก็จะมี เหล่า ระดับต้นสายที่บอกว่าตัวเองมีรายได้ มากมายและขับรถราคาแพงๆ มี Motivate เราเพื่อให้คล้อยตาม หากเราคล้อยตามก็จะถูกจับกรอกใบสมัคร ซึ่งรายละเอียดปลีกย่อยมากมาย สุดท้ายเราต้องเสียเงินหลักหมื่นเพื่อ ซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับสุขภาพกำลังมาแรงอย่างนั้นอย่างนี้ ... และเพื่อให้เราได้เป็นระดับหัวๆ จะมีเงินค่าตอบแทนหัวคิว กินกันเป็นทอดๆ ไป สินค้าสุขภาพที่ซื้อมานี้ ไม่รับคืน เราต้องหาทางระบายออกเอง กินเอง หรือ หาทางขายต่อให้ดาวไลน์ต่อไป ให้คนอื่นแบกภาระแทนต่อไปkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-76772213193683055802011-09-15T05:15:00.004+07:002011-09-15T05:18:49.482+07:00ร้านขายมือถือของคนรัก apple blackberryวันนี้มีข่าวดีมาฝากประชาสัมพัธ์สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านขายมือถือในเวบ ไม่มีหน้าร้าน ชื่อร้าน CallMe เน้นขายเฉพาะ iPhone iPad blackberry<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVGna3C0hyphenhyphentWOjc4HMtvRHull7HOHqqugK2G-ewMyldgaOFNLd7AHlXrocoXC2IY4WFmZnuZXGxlvVfCKXSBNgGhxsZy2PGmWuJdnXgHnNRLL9UVPzPfulCoRxlYQXzgCUfQrN7DaiCrFk/s1600/photo-2.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgVGna3C0hyphenhyphentWOjc4HMtvRHull7HOHqqugK2G-ewMyldgaOFNLd7AHlXrocoXC2IY4WFmZnuZXGxlvVfCKXSBNgGhxsZy2PGmWuJdnXgHnNRLL9UVPzPfulCoRxlYQXzgCUfQrN7DaiCrFk/s320/photo-2.JPG" border="0" alt=" iPhone iPad blackberry"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5652343104608544658" /></a><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhA53eKeDBHJY-ZJoB9jbhstWQvJLUBSkIm-tizdIQ5V5N5mDCwCacFoFB42iCLr94TDGfxpGajzraQoPA4bIe760bjED6ed6szvIh2FaoDBqNH6a9YzD6bJSYXNpTzj5AvzzKjOF3jYSAG/s1600/photo.JPG"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 300px; height: 300px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhA53eKeDBHJY-ZJoB9jbhstWQvJLUBSkIm-tizdIQ5V5N5mDCwCacFoFB42iCLr94TDGfxpGajzraQoPA4bIe760bjED6ed6szvIh2FaoDBqNH6a9YzD6bJSYXNpTzj5AvzzKjOF3jYSAG/s320/photo.JPG" border="0" alt=" iPhone iPad blackberry"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5652343048298982178" /></a><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRE6pTz7-eEaVctbQp-E8CGpouMDiPf4PPebI7e-AatdjkHlOG9ZdmYbWYXQ37Zi4nWvldBsp2FFsq0UsMyRCeV4oV0phx-U-vFv_j54vGJE2n3h_RlaNlP6aUSPZ_RB7i0ZhrpOw306cb/s1600/bb-9900.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 317px; height: 320px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjRE6pTz7-eEaVctbQp-E8CGpouMDiPf4PPebI7e-AatdjkHlOG9ZdmYbWYXQ37Zi4nWvldBsp2FFsq0UsMyRCeV4oV0phx-U-vFv_j54vGJE2n3h_RlaNlP6aUSPZ_RB7i0ZhrpOw306cb/s320/bb-9900.jpg" border="0" alt=" iPhone iPad blackberry"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5652342916497653250" /></a><br /><br /><br />ร้านขายมือถือเล็กๆ สำหรับคนรัก apple blackberry เป็นร้านมือถือเล็กๆที่มีใจรัก apple blackberry อาจจะไม่ได้เป็นร้านในฝันของหลายๆคนแต่ร้านนี้เกิดขึ้นมาเพราะความชอบส่วนตัวเกี่ยวกับ iphone ipad blackberryจึงสร้างร้านเล็กๆนี้มาบริการคุณผู้มีใจรักในสิ่งเดียวกัน<br />ติดต่อสอบถามได้ที่ callmeshop@hotmail.co.th CallMe at 0851100018 <br /><br /><br />หรือสนใจเข้าไปชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่<br />www.callmeifuneed.blogspot.com<br />www.facebook.com/CallMeifu<br />www.twitter.com/iCallmi<br /><br />โทร 0900055101kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-14687305910165778572011-09-12T11:40:00.002+07:002011-09-12T11:44:20.890+07:00ทำธุรกิจโรงเพาะเห็ดช่วงเศรษกิจในยุคสมัยนี้ ข้าวของอะไรก็แพงแสนแพง ใครที่อยู่ได้โยอาศัยแค่รายได้จากเงินเดือนเพียงอย่างเดียวก้ถือว่าเก่ง แต่หากจะคิดถึงขั้นมีเงินเหลือเก็บต้องมองเข้าไปถึงว่ามีรายได้จากแหล่งอื่นเข้ามาเสริมบ้างหรือไม่ อาชีพเพาะเห็ดขายนั้นน่าสนใจเพราะว่า ใช้เวลาระยะสั่นๆเก้บขายได้ทุกๆวันจัดการไม่ยาก วางแผนได้เอง ที่สำคัญใช้เงินลงทุนไม่มากมายเลย แต่สามารถมีรายได้ได้ทุกๆวัน ยกตัวอย่างเช่น คุณพฤทธิพงศ์ ไซยเวช เจ้าขอพงฬาร์มองครักษ์ ภายใต้แบรนด์ GREEN HUT# <br /><br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhma-FhHt-8wgnZ2ydoxlqQBOcFRC7K9l-5zMtsMpJht2Qd-fhL80R0QFWS6DIQ4p-lF86jdfxfgQ98W7U2roWCyA5G2Cm54DtkNGZ3vpVcZ9MTDVCjovdWcB_vW0T4U04m2furVJlmdUwJ/s1600/IMG_0001.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 163px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhma-FhHt-8wgnZ2ydoxlqQBOcFRC7K9l-5zMtsMpJht2Qd-fhL80R0QFWS6DIQ4p-lF86jdfxfgQ98W7U2roWCyA5G2Cm54DtkNGZ3vpVcZ9MTDVCjovdWcB_vW0T4U04m2furVJlmdUwJ/s320/IMG_0001.jpg" border="0" alt="ทำธุรกิจโรงเพาะเห็ด"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5651329222300872786" /></a><br /><br />เล่าโห้ฟังว่า “สมัยที่ยังเรียนวิทยาลัยฒกษตรศาสตร์ผมเองได้รับตำแหน่งเป็นชมรมเห็ดของมหาวิฑยาลัย ปี 2529 2531 แต่พอเรียนจบ<br />มาทำธุรกิจเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง ตอนนั้นถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร แต่พอปี 2541 ก็เกิดวิกฤษ<br />ธุรกิจเหมาก่อสร้างบเซาอย่างหนัก ผมไม่รู้จะทำอย่างไรดีหาธุรกิจอื่นทำ จะเอาเงินจากไหนมาลงทุน จึงได้นำวัสดุสร้างทีเหลืออยู่มาแปลเป็นเงิน โดยนำวัสดุต่างมาสร้างเป็นอาคารขึ้นมา และได้แปลงสินทรัพย์เป็นทุน<br />มาก้อนหนึ่งบวกกับเงินทุนที่คุณแม่ให้มาอีกจำนวนหนึ่ง แล้วก็เริ่มคิดว่าจะทำธุรกิจอะไรดี จึงได้มองสิ่งที่ควรจะเป็นไปได้ คิดจากประสบการณ์ด้นการเพาะเห็ดมาก่อนสมัยที่เรียนซึ่งตอนนั้นมองว่าการพัฒนาต่อยอดสายพันธุ์เห็ดยังไม่พัฒนาเลย หากเราพัฒนาหลายพันธุ์เห็ดใหม่ๆ ขึ้นมาจากที่มีอยู่น่าจะไปได้แน่นอน<br /><br /><br /> “ตอนนั้นผมเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนประมาณ 8,ooo บาท เพาะเห็ดที่บ้านจำหน่าย และต่อมาได้ขยายพื้นทีการเพาะเห็ดโดยได้ใช้พื้นที่ของเพื่อนบ้านในการก่อสร้างโรงเรือนเพื่อใข้เป็นโรงบ่มก้อนเห็ดจำหน่าย ภายหลังจึงได้ปรับเปลี่นมาทำโรงเปิดดอกจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดสุพรรณบุรีและจังหวัดใกล้เคียง เมื่อปี2545 เกิดปัญหาของเห็ดล้นตลาด ผมจึงได้แก้ปัญหาโยการปรับปรุงสายพันธ์เห็ด ด้วยการฑำสายพันธุ์เห็ดนางฟ้าดอกเล็กหรือ”ภูฐานดอกอ่อน” ออกสู่ตลาด ซึ่งสายพันธุ์ดังกล่าวไม่เหมือนกับสายพันธุ์ที่จำหน่ายในตลาดทั่วไป และได้ลองเจาะตลาดโนกรุงเทพฯ ด้วยการทำเห็ดนางฟ้าดอกอ่อนแพ็คขายแต่ข่วงแรกก็ยังไม่เป็นที่ยอมรับ จึงได้ลองเข้าตลาดสี่มุมเมืองกลับเป็นที่สนใจของพ่อค้าแม่ค้าและกลายเป็นที่รู้จักตั้งแต่นั้นมา<br /><br />สำหรับจุดเด่นของเห็ดนางฟ้าดอกอ่อนหรือที่ทุกคนรู้จักในนาม”ภูฐานดอกอ่อน” จะต่างจากเห็ดนางฟ้าทั่วๆไปคือ<br />1.เห็ดภูฐานดอกอ่อนจะมีโครงสร้างดอกที่หนากว่าเห็ดนางฟ้าทั่วไป เมื่อนำมาประกอบอาหารจะสามารถคงสภาพได้ดี เก็บรักษาได้นาน (1 อาทิตย์) ะ<br />2. รสชาติดี ไม่มีกลิ่นหืนหรือกลิ่นของเห็ด<br /><br />ตอนที่นำเห็ดเข้าตลาดในเมืองหลวงจำหน่ายให้กับพอค้าแม่ค้าครั้งแรกใช้แบรนด์ เห็ดตราเพชร สร้างชื่อเสียงในตลาดสี่มุมเมืองจนกลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายไม่เพียงแค่นั้นเห็ดภูฐาดอกอ่อนยังตีตลาได้ได้อย่างต้อเนื่อง การรุกตลาดในหางสรรพสินค้าชั้นนำึ ภายใต้แบรนด์ GREEN HuT กลายเป็นที่<br />กล่าวขานและให้ความสนใจ ไม่เว้นแม้แต้ห้างสรรพสินค้าชั้นนำอาทิ สยามพารากอน เอ็มโพเรียม เดอะมอลล์ ฟู๊ดแลนด์ หรือแม้แต่ MK” <br /><br /><br />ล่าสุด GREEN HUT' หรือ เห็ดตราเพซร ยังรุกตลาดไปยังกลุ่มผู้บริโภคในครัวเรือน ด้วยการส่งฟาร์มเห็ดดิลิเวอรีเวอรี่สำหรับเพาะกินของในครอบครัว ซึ่งถือว่าเป็นอีกกลุ่มตลาดทีน่ากินใจเป็นอย่างมาก โดยที่ทาง GREEN HuT' จำหน่ายเชื้อเห็ดให้ก้อนละประมาณ10 กว่าบาท ซึ่งเห็ดที่เป็นก้อนไปเพาะที่บ้านนั้นไม่ต้องอาศัยการดูแลที่ยุ่งยากอย่างไร เพียงดึงทีครอบปากถุงออก -จากนั้นก็เพียงใช้ปลายช้อนเขย่าฟางข้างในปากถุงออกเล็กน้อย จัดเก็บไว้ในบริแวณที่มีความชี้น แต่ไม่ต้องรดน้ำ ใช้เวลาประมาณ 10 วัน เห็ดก็จะเริ่มงอกโผล่ออกมาให้เห็นและสามารถเก็บรับประทานไfh โดยทุกกอ้นเห็ดนั้นสามารถงอกให้เก็บ กินได้นานถึง 4 เดือน ถือว่าค้มุค่ากับเงินที่ชึ้อไป<br />เห็นหรือยังครับว่า การเพาะเห็ดนั้นง่ายดายและสามารถยึดเป็นธุรกิจสร้างเงิน-สร้างงานให้เราได้อย่างสบายๆ<br /><br />สำหรับท่านใดที่สนใจต้องการเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือต้องการผลิตภัณฑ์เห็ดคุณภาพดีไปรับประทาน หรือต้องการก้อนเห็ดไว้ใปเพาะกินเองบ้าน<br /><br />สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ฟาร์มองครกษ์เพาะเห็ด เลขที่ 90/2 หมู่ 1 ต.องครักษ์ อ.บางปลาม้า<br />จ.สุพรรณบรี 721ฑ ไทย1 08-6351 5554, 0-3542-24ั03 รสาร 0-w4517056 หพรือทื พ๗.Sanhed.COm ญkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-73366988601798781742011-08-22T12:54:00.001+07:002011-08-22T12:56:58.544+07:00เลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพไส้เดือนสัตว์ที่เรามองข้ามมานาน ปัจจุบันนี้มีหลายๆคนเปิดฟาร์มไส้เดือนเป็นอาชีพกันแล้ว รายได้ดีเชียวล่ะ ผลิตภัณฆ์จากไส้เดือนมีมากมายหลายอย่าง เช่น มูลไส้เดือนใช้ทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ น้ำหมักมูลไส้เดือน,และตัวไส้เดือนก้มีโปรตีนสูงมาก วันนี้เรามารู้จักกับตัวอย่างของการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อเป็นอาชีพกัน
<br />
<br />
<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigdJibK8RWOaQFq1OgxbRFnMvAs4WQZ08jtny4wDrwEghPwppbd69GGXl0avveq5GTRxk6lkr9WX_qifYCHScgvoh2M6qIIn-7O462m4rgNkr23sm6xxte2uAuQhQPNp70qico4y2j3kn9/s1600/IMG_0001.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 266px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigdJibK8RWOaQFq1OgxbRFnMvAs4WQZ08jtny4wDrwEghPwppbd69GGXl0avveq5GTRxk6lkr9WX_qifYCHScgvoh2M6qIIn-7O462m4rgNkr23sm6xxte2uAuQhQPNp70qico4y2j3kn9/s320/IMG_0001.jpg" border="0" alt="เลี้ยงไส้เดือนเป็นอาชีพ"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5643555233298914514" /></a>
<br />
<br />ปัจจุบันตลาดปุ๋ยมูลไส้เดือนเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากสื่อต่างๆ หรือกลุ่มผู้ที่ทำปุ๋ยอินทรีย์ ก็จะทราบดีว่า ปุ๋ยมุลไส้เดือนเป็นปุ๋ยอินทรีย์คุณภาพชั้นดี ช่วยปรับสภาพดิน คืนอินทรีย์วัตถุให้ดิน ทำให้ดินร่วนชุย เหมาะแก่การเพาะปลูก ปุ๋ยมูลใส้เดือนเป็นป็ยทีมีคุณภาพสูง โดยเฉพาะโนต่างประเทศ ปุ๋ยมูลไว้เดือนมีขือ่เฟัยงค่อนข้างมาก จึงทำให้ปัจจุบันมีผู้ผลิตปุ๋ยมูลไส้เดือนออกสู่ตลาดเพิ่มมากยิงขึ้น และตลาดก็กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วนอกจากนีไส้เดือนทีเลี้ยงยังสามารถใช้เป็นแหล่งอาหารโปรตีนสูงให้แก่สัตว์ต่างๆ เช่น ปลา กบ ไก่ เป็ด ฯลฯ หรือการนำไปแปรรูปเป็นไส้เดือนอบแห้ง เป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์แบบต่างๆก็ได้เช่นกัน สามารถนำไปใช้ทำยาหรือแม้แต่ใช้ทำเครื่องสำอางได้อีกด้วยการทำฟาร์มไส้เดือนเพื่อผลิตปุ๋ย เป็นแนวทางในการผลิตปุ๋ยทีมีคุณภาพสูง และใช้เวลาสั้นกว่าการทำปุ๋ยหมักวิธีอื่น แถมยังช่วยจัดการสิ่งแวดล้อม และช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย
<br />
<br />ขยะทุกชนิดที่เราสร้างขึ้นในแต่ล่ะวันนนั้น ก่อมลภาวะมากมาย ทำให้โลกร้อนขึ้น การหาวิธีการกำจัดอย่างไร เป้นเรื่องที่คิดกันมานาน ในทีสุดได้คำแนะจากทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แม่โจ้ ว่ามีวิธีการเลี้ยงไส้เดือน เพื่อกำจัดขยะได้
<br />
<br />ขั้นตอนแรกของการเลี้ยงไส้เดือน เราก็ต้องจับเบสก่อน คือเตรียมที่อยู่ของไสัเดือนให้พร้อม ซึ่งก็คือ ขี้วัวกับดินเป็นตัวหลัก นำมาคลุกเคล้าให้เปียกแล้วทิ้งไว้ประมาณ 1 อาทิตย์ จากนั้นวัดอุณหภูมิหนึ่งอีก 1 ครั้ง อุณหภูมิต่ำกว่า 30 องศา เราก็จะเทลงในบ่อ แล้วก็เอาพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ไส้เดือนใส่ลงในบ่อ โดยจะใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 3 เดือน ให้อาหารจำพวกเศษผักและเศษอาหาร โดยไม่ต้องเสียเวลาไปกำจัดเศษผักและเศษอาหารเหล่านี้ ไส้เดือนจะมากินอาหารที่เราให้ ช่วยการย่อยสลายดูดกินเศษขยะเหล่านี้พร้อมกับการถ่ายไปปัสสาวะไป ซึ่งคุณสมบัติของปัสสาวะไส้เดือนจะช่วยดับกลิ่นได้อีกด้วย ภายใน 3 เดือนขยะที่ไส้เดือนช่วยย่อยแล้วจะหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เราให้ทรือเบส คือ ดินและขี้วัว ไส้เดือนก็จะกินหมดภายใน 3 เดือน ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นปุ๋ทั้งหมด จากนั้นเราก็จะนำมาแยกตัวไส้เดือนออกจากปุ๋ย โดยนำมาร่อนแยกออกมาเป็นพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์ส่วนทีเหลือก็จะเป็นมูลทั้งหมด
<br />
<br />บ่อสำหรับที่ใช้เลี้ยงไส้เดือนพ่อพันธุ์-แม่พันธุ์นั้น เราจะต้องทำเป็นบ่อสโลฟ มีท่อน้ำต่อไปที่บ่อเก็บน้ำหมัก ซึ่งมีธาตุอาหารครบถ้วนเหมือนกับมูลไส้เดือน เราสามารถทำน้ำหมักมูลไส้เดือนให้เข้มข้นจนเป็นน้ำจุลินทรีย์ ซึ่งมีคุณสมบัติกำจัดกลิ่น และบัดน้ำเสียได้ เหมาะสำหรับใช้ตามครัวเรือน และโรงงานต่างๆ ซึ่งช่วยในเรื่องของสิ่งแวดล้อมได้อย่างดี
<br />
<br /><strong>ไส้เดือนที่นิยมเลี้ยงมีอยู่ 2 ชนิด</strong>
<br />1.สายพันธุ์ไทย คือ ขี้ตาแร่
<br />2.สายพันธุ์ต่างประเทศ คือ แอฟริกัน ไทเกอร์ บูลวอน
<br />
<br />การเลี้ยงไส้เดือนไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย คือ ต้องดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ เช่น เรื่องการให้อาหารจะให้แบบโรยหน้า หรือแบบฝังกลบก็ได้ แต่เราต้องรู้วิธี ให้อาหารถ้าอาหารที่ให้ เน่าและเป็นน้ำมันเราก็ต้องรินส่วนที่เป็นน้ำออกก่อน แล้วก็นำไปล้างเพื่อให้คราบหรือเกล็ดน้ำมันออกไปก่อน เพราะถ้าน้ำมันลงไปในบ่อแล้ว มันจะไปเคลือบตัวไส้เดือน ทำให้เข้าหายใจไม่ได้ เพราะไส้เดือนจะหายใจทางผิวหนัง จะทำให้ไส้เดือนตายได้ อีกอย่างผลไม้ทีมีความเป็นกรด เช่น สับปะรด มะละกอสุก หรือว่าผักที่เน่ามากๆ เราก็ต้องมีวิธีการให้ เพราะไม่เช่นนั้น อาหารพวกนี้จะทำให้ไส้เดือนตัวเปื่อยและตายได้ในที่สุด
<br />
<br /><strong>การขยายพันธุ์ของไส้เดือน</strong>
<br />ไส้เดือนเป็นสัตว์ที่มีสองเพศอยู่ในตัวเดียวกัน อยู่ระหว่างลำตัวไม่สามารถผสมพันธุ์กับตัวเองได้ ต้องเอาลำตัวมาแลกเปลี่ยนกัน โดยเอาลำตัวมาแตะกัน ไส้เดือนพอผสมพันธุ์แล้ว ประมาณ 7 วัน ก็จะออกไข่ทั้ง 2 ตัวในถุงไข่นั้นก็จะมีไข่หลายฟอง และคนไข้แต่ละฟองก็จะมีลูกไส้เดือน ตั้งแต่ 2-20 ตัว แล้วแต่ความสมบูรณ์ของการเลี้ยง ถ้าเลียงดูแลดีมากๆ ได้ลูกไส้เดือนเยอะๆ
<br />
<br />ปัจจุบันเรามีสมาคมผู้เลี้ยงไส้เดือน จะมาแลกเปลียนพูดคุยเรื่องต่างๆกัน เครือข่ายบางคนก็เพาะพันธุ์เดือนขายบางคนก็จะทำเฉพาะปุ๋ยขาย
<br />
<br />** บริษัท เจเนอรัลฟาร์ม ซัพพลายส์ จำกัด มีมูลไส้เดือน 100% น้ำหมักมูลไส้เดือน 100% น้ำจุลินทรีย์เข้มข้นปัจจุบันมีทั้งหมด 3 ตัว มีจำหน่ายทีร้านต้นไม้สวนจตุจักร ตามร้านค้าที่ขายต้นไม้เเละอุปกรณ์ปลูกต้นไม้ทั่วไป
<br />
<br />
<br />สนใจเป็นตัวแทนจำหนาย สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ บริษัท เจเนอรัลฟารม ชัพพลายส์ จำกัด 669/46 ถ.วงศ์สว่าง ซอย 29 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ 10800 โทร 08-9191-7534, 08-1386-7534
<br />
<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-71600730337089385542011-08-08T15:08:00.002+07:002011-08-08T15:11:01.055+07:00ลงทุนขายส่งเสื้อผ้ามือสองกับ BUCหลายคนคงกำลังสนใจอยากจะลองทำธุรกิจขายส่งเสื้อผ้ามือสอง วันนี้มีข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นเทรนด์ที่คนไทยชอบกันมานาน BUC เป็นศูนย์ค้าส่งจากญี่ปุ่น ที่มีคุณภาพและนำแฟชั่นกระแสนิยม มีตัวแทนจำหน่ายมากมายในประเทศไทยที่ได้ให้ความไว้วางใจ รับสินค้าไปขายและได้ผลตอบแทนดี เช่น
<br />
<br />คุณออม จมรพรรณ พันธทอง เจ้าของร้านบ้านปู่กับย่า ตัวแทนจำหน่ายเสื้อผ้า BUC กล่าวถึงความเป็น มาในการตัดสินใจทำธุรกิจจำหน่ายเสื้อ ผ้ามือสองของBuc เล่าให้ฟังว่า “โดยส่วนตัวเป็นคนนิยมใช้เสื้อผ้ามือสองมานานแล้ว จนกระทั่งมีลูก เราก็อยากให้ลูกเราใส่เสื้อ ผ้าน่ารักและไมเหมือนใคร ประกอบกับเสื้อผ้ามือสองของเด็กโดยเฉพาะของข้อดีของสินค้าเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่นคือ เนื้อผ้าที่ดีไม่ย้วยง่าย ใส่แล้วไม่ระคายเคืองผิวของเด็ก แบบและการดัดเย็บละเอียด เป็นต้น ก็เลยเลือกซื้อเสึ้อเด็กมือสองของญี่ปุ่นมาใช้ เวลาพาลูกไปไหนมาไหนใครเห็นก็มักจะถามว่าไปซื้อจากที่ไหน ลูกสาวใส่แล้วน่ารักมากเลย ก็เลยเป็นที่มาของการชื้อมาขาย แรกเริ่มก็รับสินค้ามาจากหลายที่ ค้นหาอยู่หลายแหล่จนมาเจอกับ BUC และจำหน่ายสินค้าของบัคมาจนถึง ทุกวันนี้ ”
<br />
<br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNvpY8mUzih4NntLbe5o1TB-9IlqKM0K616JyQCsXE600o3h7CTFHFwESRJNRGLyX47PAXewxZvtZ5gSKGs7CSBjK1hhsgmfkgI7LlVl2XV5_OVeHet1WlX2wPJ1zxqcO40RW4hqHluWx6/s1600/26-1120-5.jpg"><img style="cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 194px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgNvpY8mUzih4NntLbe5o1TB-9IlqKM0K616JyQCsXE600o3h7CTFHFwESRJNRGLyX47PAXewxZvtZ5gSKGs7CSBjK1hhsgmfkgI7LlVl2XV5_OVeHet1WlX2wPJ1zxqcO40RW4hqHluWx6/s320/26-1120-5.jpg" border="0" alt="เสื้อผ้ามือสองBUC"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5638394560767045410" /></a>
<br />
<br />ภาพจาก price.webtarad.com/data/5/0003-1.html
<br />
<br />ปัจจัยหลักที่ทำให้เธอสมัครเป็นตัวแทนจำหน่ายบัค (BUC) นั่นก็เพราะว่า
<br />“บัคเป็นบริษัทนำเข้าเสื้อผ้ามือสองจากญี่ปุ่นโดยตรง ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะได้สินค้าคุณภาพที่มาจากญี่ปุ่นจริงๆ ตอนแรกคิดว่าสินค้าญี่ปุ่นจะมีราคาแพง แต่พอได้ศึกษารายละเอียดแล้ว ก็ทราบว่าราคาไม่แพงอย่างที่ดิด ลูกค้าที่ชื้อสินค้าไปใช้จึงรู้สึกว่าคุ้มทุกครั้งที่จ่ายเงิน
<br />-ข้อต่อมาก็คือ คุณสมบัติของตัวแทนบัคเป็นคนที่มีคุณธรรม ข้อนี้ส่อให้เห็นถึงนโยบายส่วนหนึ่งของบริษัทที่ตรงใจตัวเองมาก เพราะตัวเองคิดว่าทุกธุรกิจผลกำไรควรมาควบคู่กับคุณธรรม ชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะทำให้ธุรกิจยืนยาว ข้อสุดท้ายก็คงเป็นความประทับใจต่อผู้บริหารที่มีความจริงโจให้กับตัวแทนและกับลูกค้าทุกคนด้วยเช่นกัน ”
<br />
<br />นอกจากนี้ BUC ยังมีการให้ความรู้ด้านการตลาด การค้าขายหลายอย่างไรให้ให้กำไรและได้ใจลูกค้า ชึ่งบางอย่างเราเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน พยได้เข้ามาศึกษาและทำธุรกิจนี้จึงทำให้ความคิดเรากว้างขึ้น เรียกได้ว่า BUC เป็นครูชั้นดีที่สอนในเรื่องการค้าขาย ช่วยบอกช่วยแนะนำเรื่องต่างๆ นอกจากนี้ยัจใส่ใจดูแลในเรื่องอื่นๆ เหมือนเป็นที่รักษาให้เราได้ทุกเมื่อ
<br />
<br />ยืนยันถึงความสำเร็จในการประกอบธุรกิจเสื้อผ้ามือสองจาก เป็นสินค้าขายดี ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
<br />
<br /><strong>มาทำความรู้จักกับ บริษัท Best Used clothes CO.,Ltd (BUC)</strong>
<br />1. BUC เป็นบริษัทที่มีตัวตนอยู่จริงและเป็นบริษัทที่มันคง
<br />2. BUC เป็นบริษัทที่มีสต็อกสินค้ามากเพียงพอ ต่อความต้องการของลูกค้า
<br />3. BUC เป็นบริษัททีไม่เอาเปรียบตัวแทนจำหน่ายและให้ผลตอบแทนอย่างเป็นธรรม
<br />4. BUC เป็นบริษัทที่ขายสินค้าคุณภาพ
<br />
<br /><strong>นอกจากนี้ยังมีเหตุผลที่ทำให้ BUC เป็นที่นิยม</strong>
<br />1.เสื้อผ้ามือสองของ BUC เป็นสื้อผ้าแฟชั่น ที่ยังทันสมัยไม่ตกยุค เสื้อแฟชั่นบางแบบยังไม่มีขายในเมืองไทย ผู้ขายสามารถนำเสนอลูกค้าได้ดีอีกด้วย
<br />2.เสื้อผ้ามือสองของ BUC ต้นทุนต่อตัวถูก สามารถนำไปทำกำไรได้มากกว่า 4-5 เท่าของราคาต้นทุน
<br />3.เสื้อผ้ามือศองของ BUC เปิดกระสอบออกมาแล้ว ไม่ต้องนำมาซักก่อนสามารถนำมารีดแล้วแขวนขายได้ทันที ทำให้ประหยัด ทั้งแรงงานและค่าใช้จ่ายในการ ชัก อบแห้ง
<br />4.เสื้อผ้ามือสองของ BUCมีแบรนด์ดังๆผสมอญูค่อนข้างมากสามารถนำไปจับราคาขายได้สูง และที่สำคัญมีความมั่นใจว่าสินค้าทกกระสอบณพ็คมาจากที่ปนจริโๆ ไม่ได้นำมาคัดแยกในเมืองไทยกไอนส่งหรือขายให้กับลูกค้า
<br />5.BUC ดูแลลูกค้า ให้ความสำคัญกับลูกค้า ทั้งในแทนจาหนาย บ้านให้คำปรึกษาในเรื่ฦงขอโเทคนคการขาย
<br />เขาบางปและมีดวามเป็นกันเฎงดอนนี้คณรัตนมีร้านอยู่ที่โลดัส บางปู รองรับลูกค้าทั้งสงแล๔ลีก เป้าหมายถัดไปคือต้อโกา์โส์โ้า{ฐานลูกค้าใ์ ด้เพิ่มขึ้นโดยแบ่งเป็นกลุ่มแบบชื้อยกกระสอบและกลุ่มลูกค้ารายย่อยสำหรับเปิดกระสอบคัดผ้า ทั้งนี้เพื่อจะได้กระจายสินค้าให้คนได้รู้จัก
<br />
<br />
<br />หากสนใจอยากจะมีร้านขาย เสื้อผ้ามือสองนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่ได้คุณภาพอย่างดีขายง่าย ติดต่อโดยตรงได้ที่ บริษัท เบซ ยูส โคลส (ปรเทศไทย) จำกัด ที่อยู่ 19/35หมู่ที่4 ต.คอกกระบือ อ.เมืองสมุทรสาครจ.สมุทรสาคร โทร. 034-494-282, 051-611-4704,086-32า-6954 โทรสาร 034-494-111 กด 49 หรือที่นเว็บไซต์ www.bucthailand.com
<br />
<br />
<br />kasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-3168865836280322765.post-11997973651007598072011-07-21T11:34:00.002+07:002011-07-21T11:38:56.205+07:00การตกแต่งร้านแบบต่างๆการตกแต่งร้านนั้น เป็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งอย่าง ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม และละเลย เพราะการแต่งร้านที่ดีและเหมาะสมนั้น มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างดีที่เดียว <br /><br />ขอยกตัวอย่างธุรกิจ 5 ประเภท มาให้ได้ลองศึกษาดู ส่วนใครจะตกแต่งร้านของตนให้เป็นสไตล์ไหนนั้น ก็ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมของทำเล กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณในกระเป๋าของแต่ล่ะท่าน<br /><br /><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWqvE17Nhy9FumWxJ4O59NPKmJagjm696gQtVu4WsuW7ZCcgZUWeZ1ebDRkU5XmhUrSix0WmIuZg6f1uE0izD1gKIF6v3RShI5h24sFMHcPW1vrid8AeplV7gTq9Kssh8cpZLH2qUBNrD1/s1600/db-pic.jpg"><img style="display:block; margin:0px auto 10px; text-align:center;cursor:pointer; cursor:hand;width: 320px; height: 241px;" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgWqvE17Nhy9FumWxJ4O59NPKmJagjm696gQtVu4WsuW7ZCcgZUWeZ1ebDRkU5XmhUrSix0WmIuZg6f1uE0izD1gKIF6v3RShI5h24sFMHcPW1vrid8AeplV7gTq9Kssh8cpZLH2qUBNrD1/s320/db-pic.jpg" border="0" alt="การตกแต่งหน้าร้าน"id="BLOGGER_PHOTO_ID_5631660381264199810" /></a><br />ภาพจากkhum.net/board-shopping/t53822<br /><br />1.ร้านขายเสื้อผ้า <br />คอลเลคชั่นเสื้อผ้าในแต่ละฤดูกาลย่อมเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ดังนั้นการดึงเอาซีซั่นต่างๆ ทั้ง Spring Summer Fall และ Winter มาใช้ให้เกิดประโยชน์จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างมาก อีกประการคือ การแต่งร้านตามเทศกาล เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ สงกรานต์ ฮัลโลวีน ฯลฯ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการจัดดิสเพลย์หน้าร้านต้องเน้นความมีชีวิตชีวา เน้นการใช้แสงไฟเพื่อช่วยให้สินค้ามีสีสัน และบ่งบอกให้ลูกค้ารู้ว่าเรากำลังนำเสนอสินค้ารู้ว่าเรากำลังนำเสนอสินค้าในคอนเซ็ปต์ใด จะช่วยดึงดูดสายตาจากผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ดี แต่ต้องระวังอย่าให้การตกแต่งร้านแรงหรือเลอะเกินไป จนทำให้ทำลายความโดดเด่นของสินค้าไปได้ <br /><br />การเลือกใช้ Prop ต่างๆ มาตกแต่งในร้านก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็น ป้ายไฟ รูปภาพ โมบาย ฯลฯ ต้องสือให้เห็นไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ โดยผู้ประกอบการต้องคำนึงอยู่เสมอว่าไม่ใช่แค่ทำให้ร้านให้ดูสวยเพลินตา แต่บรรยากาศของร้านทุกอย่างวิธีโชว์เสื้อผ้า หุ่นโชว์ที่เลือกใช้ (สังเกตให้ดีว่า บางร้านหากเป็นเสื้อผ้าแนวสปอร์ต หุ่นโชว์ที่ใช้จะมีผิวสีแทน) การจัดเส้นทางช็อปปิ้งในร้าน แสงไฟ เสียงเพลง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อทั้งสิ้น <br /><br /><br />2.ร้านอาหาร <br />ร้านอาหาร ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ให้ความตื่นตัวในการออกแบบตกแต่งร้านมากกว่าร้านประเภทอื่นๆ ซึ่งไม่วาจะตกแต่งร้านให้ออกมาเป็นสไตล์ไหน ก็ควรออกแบบให้เป็นเอกภาพด้วยกันทั้งหมด ตั้งแต่บรรยากาศร้าน ของตกแต่ง เสื้อผ้าพนักงาน โลโก้ นามบัตร เมนู ภาชนะ และรูปแบบลักษณะอาหารบนภาชนะโดยหากจับทุกอย่างมาสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว จะก่อให้เกิดคำว่าเอกลักษณ์ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจดจำร้านอาหารนั้นๆ ได้ขึ้นใจ<br /><br />บรรยากาศของร้านอาหารควรจะสื่อถึงความเป็นกันเอง อบอุ่น ให้ความรู้สึกเป็นมิตร แต่หากเป็นร้านอาหารกึ่งผับ หรือร้านคาราโอเกะ <br />ควรสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปลดปล่อยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ในกรณีนี้การเลือกใช้แสง สี และเสียง จะสามารถช่วยได้มาก หากร้านใดมีพนักงานยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู ควรมีการวางผังร้านที่อำนวยความสะดวกและกำหนดทิศทางการยืนให้กับพนักงานให้อยู่ในลักษณะกีดขวางเวลาที่ลูกค้าเดินเข้าร้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โต๊ะริมกระจก ที่ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านอาหารก็มักจะถูกจับจองเป็นลำดับแรกๆ อยู่เสมอ<br /><br />3.ร้านขายของชำ<br />ร้านขายของชำตอนนนี้ต้องผจญกับแข่งขันกับดีลเลอร์ใหญ่ๆ แบบไม้ซีกงัดไม้ซูง ดังนั้นการที่ร้านเล็กๆจะเน้นการแต่งร้านให้สวยงามเลิศหรู เพื่อสู้กับร้านมินิมาร์ทชื่อดัง หรือโมเดิร์นเทรดต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก การตกแต่งร้านโดยการนำเอาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับที่ตั้ง เพื่อสร้างจุดขายเฉพาะตัวขึ้นมา ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบรรยากาศที่คุ้นเคย เป็นกันเอง มีการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ดูแลเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดเส้นทางเดินที่คล่องตัว การจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบมาปรับใช้ รวมถึงการใช้แสงไฟในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยยกระดับรานขายของชำขึ้นมาได้มาก สำหรับสินค้าที่ทำยอดขายได้ดี เช่น น้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง เบียร์ ฯลฯ ควรจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน <br /><br />ภายในร้านพยายามใช้สีขาว หรือสีอ่อน เพื่อให้ร้านดูกว้างและสะอาดตา หากเป็นไปได้ ให้ใช้มุมใดมุมหนึ่งของร้านสร้างแรงจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับร้านขายของชำ คือ การบริการของผู้ประกอบการ <br />ซึ่งหากสามารถใช้ความสนิทสนมคุ้นเคย รอยยิ้มที่สนิทสนมจริงใจมาเป็นจุดขาย เชื่อแน่ว่ามินิมาร์ทหรือซูเปอร์มาร์เก็ตใดๆ ก็ไม่สามารถสู้ได้ <br /><br />4.ร้านขายของที่ระลึกและสินค้าประจำท้องถิ่น<br />ร้านขายของฝากไม่ว่าจะเป็นร้านริมถนน หรือร้านในตึกสิ่งที่เราเห็นได้บ่อยๆ คือรูปแบบการแต่งร้านส่วนใหญ่จะเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะร้านริมถนน ที่มองไปก็ไม่สะดุดตาสะดุดใจร้านใดเป็นพิเศษเลย นี่คือช่องว่างที่ผู้ประกอบการสามารถจับประเด็นมาเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านของตัวเองได้ เหนือสิ่งอื่นใด รูปแบบของร้านค้าประเภทนี้ ควรจัดให้มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ จัดวางสินค้าในร้านให้เป็นหมวดหมู่ ปรับรูปแบบร้านให้มีความโปร่งสบาย เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่มากขึ้นและใกล้ชิดกับสินค้าได้มากขึ้น โดยมีพนักงานในร้านทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำสินค้าให้เมื่อลูกค้าต้องการ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากซื้อได้อีกมาก <br /><br />5.ร้านเสริมสวย<br />ในอนาคตอั้นใกล้นี้ ร้านเสริมสวยจะแข่งขันกันทางด้านไอเดีย การแต่งร้านแบบสุดฤทธิ์สุดเดช โดยการตกแต่งหน้าร้าน จะเน้นความโปร่งใส ไม่ติดสติ๊กเกอร์เลอะเทอะที่หน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถผ่านเข้าไปภายในร้านได้อย่างชัดเจน ส่วนกระจกที่จะถูกนำมาใช้ภายในปี สองปีข้างหน้านี้ จะเน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ร้านดูกว้างขวางตู้อุปกรณ์ในการเก็บเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จะไม่วางระเกะระกะที่หน้ากระจกอีกต่อไป แต่เน้นเก็บในตู้เฉพาะ และนำออกมาใช้เมื่อต้องการเท่านั้นแสงสว่างภายในร้านเสริมสวยต่อไปจะเน้นให้แสงเป็นสีขาวสะอาดตา ซึ่งมีผลจากการใช้หลอดประหยัดไฟ เช่น หลอดเกลียว หลอดตะเกียบ <br />โคมไฟจะเน้นสีสันดัดกับพื้นขาวของผนังและฝ้าเพดาน โดยใช้ความมันวาวของโลหะช่วยเสริมให้ดูเด่นสง่ามากขึ้น มีการใช้ไฟดาวน์ไลท์ส่องที่รูปภาพและห้องสระผมและจะมีการผสมผสานการจัดวางต้นไม้ตามมุมต่างๆ มากขึ้น <br /><br />เพื่อให้ร้านเสริมสวยดูมีความเป็นธรรมชาติที่สดชื่น สดใสร้านเสริมสวยที่ดีจำเป็นต้องคำนึงถึงความสะอาด สะดวกสบายของลูกค้าให้มาก ไม่ว่าจะเป็นขณะนั่งรอหรือระหว่างการใช้บริการก็ตาม เพราะการใช้บริการร้านเสริมสวยในบางคอร์ส ลูกค้าต้องใช้เวลานานเกือบครึ่งค่อนวัน ดังนั้นโซฟา หรือเก้าอี้รับแขกต่างๆ จะต้องเลือกเฟ้นรูปแบบที่สวยงาม นั่งสบาย และอาจมีบางมุมที่เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย<br /><br /><br />นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่พอจะเป็นแนวทางในการจัดแต่งร้าน แต่อย่างไรก็บริการก็ยังคงเป็นหัวใจหลักในธูรกิจ หากเอาใจใส่ เก็บรายละเอียดทำให้ลูกค้าประทับใจได้รับรองว่า ลูกค้าต้องกลับมาใช้บริการที่ร้านอีกแน่ๆkasorhttp://www.blogger.com/profile/15804576257018812944noreply@blogger.com