เชิญลงโฆษณาฟรี

สำหรับท่านที่ดำเนินธุรกิจอยู่แล้วขอเชิญลงโฆษณาฟรี
รายละเอียดดังนี้
ลงโฆษณาฟรี

7/21/2011

การตกแต่งร้านแบบต่างๆ

การตกแต่งร้านนั้น เป็นองค์ประกอบสำคัญหนึ่งอย่าง ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม และละเลย เพราะการแต่งร้านที่ดีและเหมาะสมนั้น มีส่วนช่วยกระตุ้นยอดขายได้อย่างดีที่เดียว

ขอยกตัวอย่างธุรกิจ 5 ประเภท มาให้ได้ลองศึกษาดู ส่วนใครจะตกแต่งร้านของตนให้เป็นสไตล์ไหนนั้น ก็ขอให้พิจารณาตามความเหมาะสมของทำเล กลุ่มเป้าหมาย และงบประมาณในกระเป๋าของแต่ล่ะท่าน

การตกแต่งหน้าร้าน
ภาพจากkhum.net/board-shopping/t53822

1.ร้านขายเสื้อผ้า
คอลเลคชั่นเสื้อผ้าในแต่ละฤดูกาลย่อมเปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ดังนั้นการดึงเอาซีซั่นต่างๆ ทั้ง Spring Summer Fall และ Winter มาใช้ให้เกิดประโยชน์จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำอย่างมาก อีกประการคือ การแต่งร้านตามเทศกาล เช่น คริสต์มาส ปีใหม่ วาเลนไทน์ สงกรานต์ ฮัลโลวีน ฯลฯ ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่พลาดไม่ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งการจัดดิสเพลย์หน้าร้านต้องเน้นความมีชีวิตชีวา เน้นการใช้แสงไฟเพื่อช่วยให้สินค้ามีสีสัน และบ่งบอกให้ลูกค้ารู้ว่าเรากำลังนำเสนอสินค้ารู้ว่าเรากำลังนำเสนอสินค้าในคอนเซ็ปต์ใด จะช่วยดึงดูดสายตาจากผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมาได้ดี แต่ต้องระวังอย่าให้การตกแต่งร้านแรงหรือเลอะเกินไป จนทำให้ทำลายความโดดเด่นของสินค้าไปได้

การเลือกใช้ Prop ต่างๆ มาตกแต่งในร้านก็เป็นเรื่องสำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็น ป้ายไฟ รูปภาพ โมบาย ฯลฯ ต้องสือให้เห็นไลฟ์สไตล์ของแบรนด์ โดยผู้ประกอบการต้องคำนึงอยู่เสมอว่าไม่ใช่แค่ทำให้ร้านให้ดูสวยเพลินตา แต่บรรยากาศของร้านทุกอย่างวิธีโชว์เสื้อผ้า หุ่นโชว์ที่เลือกใช้ (สังเกตให้ดีว่า บางร้านหากเป็นเสื้อผ้าแนวสปอร์ต หุ่นโชว์ที่ใช้จะมีผิวสีแทน) การจัดเส้นทางช็อปปิ้งในร้าน แสงไฟ เสียงเพลง ฯลฯ ล้วนแล้วแต่เป็นองค์ประกอบที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อทั้งสิ้น


2.ร้านอาหาร
ร้านอาหาร ถือได้ว่าเป็นธุรกิจที่ให้ความตื่นตัวในการออกแบบตกแต่งร้านมากกว่าร้านประเภทอื่นๆ ซึ่งไม่วาจะตกแต่งร้านให้ออกมาเป็นสไตล์ไหน ก็ควรออกแบบให้เป็นเอกภาพด้วยกันทั้งหมด ตั้งแต่บรรยากาศร้าน ของตกแต่ง เสื้อผ้าพนักงาน โลโก้ นามบัตร เมนู ภาชนะ และรูปแบบลักษณะอาหารบนภาชนะโดยหากจับทุกอย่างมาสัมพันธ์กันได้อย่างลงตัว จะก่อให้เกิดคำว่าเอกลักษณ์ซึ่งจะทำให้ลูกค้าจดจำร้านอาหารนั้นๆ ได้ขึ้นใจ

บรรยากาศของร้านอาหารควรจะสื่อถึงความเป็นกันเอง อบอุ่น ให้ความรู้สึกเป็นมิตร แต่หากเป็นร้านอาหารกึ่งผับ หรือร้านคาราโอเกะ
ควรสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปลดปล่อยความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ในกรณีนี้การเลือกใช้แสง สี และเสียง จะสามารถช่วยได้มาก หากร้านใดมีพนักงานยืนต้อนรับอยู่หน้าประตู ควรมีการวางผังร้านที่อำนวยความสะดวกและกำหนดทิศทางการยืนให้กับพนักงานให้อยู่ในลักษณะกีดขวางเวลาที่ลูกค้าเดินเข้าร้าน สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ โต๊ะริมกระจก ที่ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ หรือร้านอาหารก็มักจะถูกจับจองเป็นลำดับแรกๆ อยู่เสมอ

3.ร้านขายของชำ
ร้านขายของชำตอนนนี้ต้องผจญกับแข่งขันกับดีลเลอร์ใหญ่ๆ แบบไม้ซีกงัดไม้ซูง ดังนั้นการที่ร้านเล็กๆจะเน้นการแต่งร้านให้สวยงามเลิศหรู เพื่อสู้กับร้านมินิมาร์ทชื่อดัง หรือโมเดิร์นเทรดต่างๆ คงไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องนัก การตกแต่งร้านโดยการนำเอาเอกลักษณ์ของท้องถิ่นมาประยุกต์ให้เหมาะสมกับที่ตั้ง เพื่อสร้างจุดขายเฉพาะตัวขึ้นมา ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจกว่า เพื่อให้ลูกค้าได้รับบรรยากาศที่คุ้นเคย เป็นกันเอง มีการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ ดูแลเรื่องความสะอาด ความเป็นระเบียบเรียบร้อย การจัดเส้นทางเดินที่คล่องตัว การจัดวางสินค้าอย่างเป็นระบบมาปรับใช้ รวมถึงการใช้แสงไฟในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยยกระดับรานขายของชำขึ้นมาได้มาก สำหรับสินค้าที่ทำยอดขายได้ดี เช่น น้ำดื่ม เครื่องดื่มชูกำลัง เบียร์ ฯลฯ ควรจัดวางให้อยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ชัดเจน

ภายในร้านพยายามใช้สีขาว หรือสีอ่อน เพื่อให้ร้านดูกว้างและสะอาดตา หากเป็นไปได้ ให้ใช้มุมใดมุมหนึ่งของร้านสร้างแรงจูงใจด้วยการจัดโปรโมชั่น ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับร้านขายของชำ คือ การบริการของผู้ประกอบการ
ซึ่งหากสามารถใช้ความสนิทสนมคุ้นเคย รอยยิ้มที่สนิทสนมจริงใจมาเป็นจุดขาย เชื่อแน่ว่ามินิมาร์ทหรือซูเปอร์มาร์เก็ตใดๆ ก็ไม่สามารถสู้ได้

4.ร้านขายของที่ระลึกและสินค้าประจำท้องถิ่น
ร้านขายของฝากไม่ว่าจะเป็นร้านริมถนน หรือร้านในตึกสิ่งที่เราเห็นได้บ่อยๆ คือรูปแบบการแต่งร้านส่วนใหญ่จะเหมือนกันไปหมด โดยเฉพาะร้านริมถนน ที่มองไปก็ไม่สะดุดตาสะดุดใจร้านใดเป็นพิเศษเลย นี่คือช่องว่างที่ผู้ประกอบการสามารถจับประเด็นมาเพิ่มยอดขายให้แก่ร้านของตัวเองได้ เหนือสิ่งอื่นใด รูปแบบของร้านค้าประเภทนี้ ควรจัดให้มีความสอดคล้องกับวัฒนธรรมของท้องถิ่นนั้นๆ จัดวางสินค้าในร้านให้เป็นหมวดหมู่ ปรับรูปแบบร้านให้มีความโปร่งสบาย เพื่อให้ลูกค้าได้มีพื้นที่มากขึ้นและใกล้ชิดกับสินค้าได้มากขึ้น โดยมีพนักงานในร้านทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำสินค้าให้เมื่อลูกค้าต้องการ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอยากซื้อได้อีกมาก

5.ร้านเสริมสวย
ในอนาคตอั้นใกล้นี้ ร้านเสริมสวยจะแข่งขันกันทางด้านไอเดีย การแต่งร้านแบบสุดฤทธิ์สุดเดช โดยการตกแต่งหน้าร้าน จะเน้นความโปร่งใส ไม่ติดสติ๊กเกอร์เลอะเทอะที่หน้าร้าน เพื่อให้ลูกค้าสามารถผ่านเข้าไปภายในร้านได้อย่างชัดเจน ส่วนกระจกที่จะถูกนำมาใช้ภายในปี สองปีข้างหน้านี้ จะเน้นรูปทรงสี่เหลี่ยม ขนาดใหญ่ เพื่อช่วยให้ร้านดูกว้างขวางตู้อุปกรณ์ในการเก็บเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ จะไม่วางระเกะระกะที่หน้ากระจกอีกต่อไป แต่เน้นเก็บในตู้เฉพาะ และนำออกมาใช้เมื่อต้องการเท่านั้นแสงสว่างภายในร้านเสริมสวยต่อไปจะเน้นให้แสงเป็นสีขาวสะอาดตา ซึ่งมีผลจากการใช้หลอดประหยัดไฟ เช่น หลอดเกลียว หลอดตะเกียบ
โคมไฟจะเน้นสีสันดัดกับพื้นขาวของผนังและฝ้าเพดาน โดยใช้ความมันวาวของโลหะช่วยเสริมให้ดูเด่นสง่ามากขึ้น มีการใช้ไฟดาวน์ไลท์ส่องที่รูปภาพและห้องสระผมและจะมีการผสมผสานการจัดวางต้นไม้ตามมุมต่างๆ มากขึ้น

เพื่อให้ร้านเสริมสวยดูมีความเป็นธรรมชาติที่สดชื่น สดใสร้านเสริมสวยที่ดีจำเป็นต้องคำนึงถึงความสะอาด สะดวกสบายของลูกค้าให้มาก ไม่ว่าจะเป็นขณะนั่งรอหรือระหว่างการใช้บริการก็ตาม เพราะการใช้บริการร้านเสริมสวยในบางคอร์ส ลูกค้าต้องใช้เวลานานเกือบครึ่งค่อนวัน ดังนั้นโซฟา หรือเก้าอี้รับแขกต่างๆ จะต้องเลือกเฟ้นรูปแบบที่สวยงาม นั่งสบาย และอาจมีบางมุมที่เน้นความเป็นส่วนตัวด้วย


นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนที่พอจะเป็นแนวทางในการจัดแต่งร้าน แต่อย่างไรก็บริการก็ยังคงเป็นหัวใจหลักในธูรกิจ หากเอาใจใส่ เก็บรายละเอียดทำให้ลูกค้าประทับใจได้รับรองว่า ลูกค้าต้องกลับมาใช้บริการที่ร้านอีกแน่ๆ

7/08/2011

อาชีพทำพริกแกงขาย

พริกแกงนั้นเป็นเครื่องปรุงรสที่ใช้กันทุกเครื่องเรือน เครื่องแกงไทยประกอบไปด้วยเครื่องเทศที่เป็นสมุนไพรหลายอย่าง ที่มีสรรพคุณ รักษาโรค และดีต่อร่างกายเรา การจะทำพริกแกงขาย
นั้น นอกจากเงินทุนหมุนเวียนที่ต้องมีแล้ว ยังต้องใช้เครื่องจักร อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น เครื่องอบ เครื่องบด เครื่องหั่น สำหรับราคาขายส่ง กิโลกรัมละ 55 บาท หากนำไปส่ง
ราคากิโลกรัมละ 60บาท ซึ่งหากเป็นน้ำพริกที่มีส่วนประกอบแพง เช่น น้ำพริกตาแดง ราคาก็จะสูงขึ้นอีกนิดหน่อย พริกแกงทำขายได้ตลอด เพราะตลาดมีความต้องการสูง

ทำพริกแกงขาย

ภาพจาก health.kapook.com

ใครที่สนใจจะลองไปทำขายก็ น่าจะดี สามารถทำเป็นอาชีพเสริมหรือ อาชีพหลักได้เลยทีเดียว

สูตรน้ำพริกแกงต่อไปนี้ เป็นสูตรน้ำพริกปริมาณมาก ทำเพื่อขายส่ง ในปริมาณมาก หากต้องการทำน้อยก็ให้ลดทอนอัตราส่วนประกอบ ลงมาตามส่วน

สูตรน้ำพริกแกง
น้ำพริก แกงเผ็ด
ปริมาณ 3๐ กิโลกรัม
พริกแกง 1๐ กิโลกรัม
ใช้พริกแห้ง 2 กิโลกรัม
พริกขี้หนูแห้ง 300 กรัม
ตะไคร้ 2 กิโลกรัม
ข่า 1.3 กิโลกรัม
หอม 300 กรัม
กระเทียม 2.2 กิโลกรัม
ผิวมะกรูด 300 กรัม
กะปิ 500 กรัม
เกลือ 500 กรัม

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

แกงเขียวหวาน (5 กิโลกรัม )ข่า 4 กรัม
ตะไคร้ 600 กรัม
หอม 200 กรัม
กระเทียม 1 กิโลกรัม
พริกขี้หนูสดหอม 700 กรัม
พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 200 กรัม
พริกชี้ฟ้าเหลือง 300 กรัม
กะปิ 200 กรัม
เกลือ และน้ำตาลอย่างละ 150 กรัม
ผิวมะกรูด 100 กรัม

วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

น้ำพริกแกงสัม(50 กิโลกรัม)
หอมแดง 25 กิโลกรัม
พริกแห้งป่น 7 กิโลกรัม
กะปิ 14 กิโลกรัม
เกลือ 7 กิโลกรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

น้ำพริกตาแดง( 5 กิโลกรัม)หอมอบ 600 กรัม
กระเทียมอบ 1.6 กิโลกรัม
กุ้งแห้งปน1 กิโลกรัม
กะปิอบ 500 กรัม
พริกป่นแล้ว 400 กรัม
เกลือป่น 200 กรัม
มะขาม 500 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 600 กรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก

น้ำพริกนรก(5 กิโลกรัม)
กุ้งแห้งป่น 600 กรัม
พริกป่น 400 กรัม
น้ำ 800 กรัม
มะขาม 400 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 600 กรัม
เกลือป่น 300 กรัม
วิธีทำ
นำส่วนผสมทั้งหมดเคล้ารวมกัน เข้าเครื่องบดนำพริก


*** ข้อมูลอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา

7/04/2011

ก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ

สำหรับท่านที่กำลังมองหาธุรกิจก่วยเตี๋ยว วันนี้เป้นโอกาสดี ที่จะแนะนำแฟรยไชส์ก่วยเตี๋ยวที่ขึ้นชื่อมากๆของเมืองนครปฐม นั่นคือ ก๋วยเตี๋ยวเต็กกอ

ลูกชิ้นหมู เต็กกอ ผลิตด้วยเนื้อหมูอย่างดี เน้นความสะอาด และไม่ใส่สารบอแรกซ์จึงท้าให้ลองทานเมนูนี้ คือ ลวกจิ้ม ที่ทานได้มากๆไม่เป็นอันตราย เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานเพลิน ด้วยน้ำจิ้มรสเด็ด แทบทุกโต๊ะต้องลอง
ยำเต็กกอ คงหาทานที่อื่นยากเพราะเป็นแบบของเราเอง เผ็ด เปรี้ยว หวาน ครบรส หอมมะนาว
หมูเด้งทอดมัน ทั่วไปใช้ปลา แต่เต็กกอใช้หมูเป็นเจ้าแรกที่ทำและลูกค้าให้การยอมรับ
ขาหมูเต็กกอ หลายท่านอาจจะไม่ทราบ คิดว่าเรามีแต่ก๋วยเตี๋ยว ขาหมูเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ดึงลูกค้าได้มากทีเดียว

รายละเอียด
รูปแบบธุรกิจ เต็กกอ
รูปแบบที่ 1 เรียกว่า เต็กกอ แฟรนไชส์ (สีแดง)
เน้นเปิดริมถนนคนเดินทางเส้นทางหลักที่มีรถหนาแน่น บรรยากาศสบายๆ ที่จอดรถสะดวก ราคาเริ่มต้นอิ่มละ 20 บาท
ปัจจุบันมีกว่า 50 สาขาทั่วประเทศ
ค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 60,000 บาท ต่อสัญญาปีละ 5,000 บาท
(พร้อมป้าย, อุปกรณ์, ชุดพนักงานและฝึกอบรม 1 อาทิตย์โดยทีมงานผู้ชำนาญ)

รูปแบบที่ 2 เรียกว่าเต็กกอ จูเนียร์ แฟรนไชส์ (สีส้ม)
เน้นกลุ่มคนในเมือง ที่ชอบความทันสมัย เป็นก๋วยเตี๋ยวติดแอร์ ราคาติดดิน เชิญแวะชิมและสัมผัสบรรยากาศได้ที่
สาขา ถ.ต้นสน จ.นครปฐม
สาขา อ.เมือง จ.ราชบุรี (ตรงข้ามห้างโรบินสัน)
สาขาอ.เมือง จ.ขอนแก่น(ใกล้ห้างแฟรี่)
ค่าแฟรนไชส์แรกเข้า 100,000 บาท ต่อ สัญญาปีละ 10,000 บาท

ขั้นตอนการทำแฟรนไชส์
1.เสนอทำเล เป็นรูปถ่าย ให้เห็นภาพของสถานที่กว้างๆ จำนวน 8-10 ภาพ
2.เขียนแผนที่แสดงกลุ่มเป้าหมาย และวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าที่คาดว่าจะได้
3.รอคำตอบ และคัดมาทดลองงานก่อน 1-2 วัน
4.เตรียมตกแต่งร้านตามแบบเต็กกอ
5.กำหนดวันเปิด และฝึกอบรม 1 อาทิตย์
6.เซ็นสัญญา ชำระเงิน
7.เข้าดำเนินการ